วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Reminiscence * Monochrome Checkmate - Prologue




สถานที่ : ที่นั่งริมสวน

เอย์จิ : รุกฆาต



อิซึมิ : หา? นี่เล่นตลกอะไร? นี่มันไม่ขำนะ นี่พวกเราเพิ่งจะเริ่มด้วยซ้ำ แล้วนายกำลังคิดว่าจะชนะฉันได้แล้วเหรอ?

นายเป็นคนบอกเองนะ ที่ชวนมาเล่นหมากรุกน่ะ เพราแค่นั่งคุยเฉยๆคงจะน่าเบื่อ

อย่ามาตัดจบตามใจนายสิ อยากทำอะไรกันแน่?



เอย์จิ : ฮึฮึ ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นแหละ แค่หายใจมันก็ลำบากสำหรับผมแล้วล่ะ

แต่ว่างั้นเถอะ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอโมโหนะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ ในกระดานหมากรุก การเดินตัวหมากในตาแรกก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สำคัญ ในตาต่อๆไป ทางเลือกในการเดินตัวหมากก็จะค่อยๆจำกัดขึ้เรื่อยๆ

มันก็เหมือนกับทฤษฎีของคณิตศาสตร์นั้นแหละ เมื่อแทนตัวเลขและสัญลักษณ์เข้าไปเท่าไหร่ คำตอบก็จะยิ่งชัดเจนออกมาเท่านั้น วิธีการของเธอมันพังไปตั้งแต่เริ่มแล้วล่ะ มันไม่มีทางที่เธอจะซ่อมมันได้โดยไม่พึ่งปาฏิหาริย์ เกมนี้มันเห็นจุดจบแล้วล่ะ ไม่คิดว่ามันจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์กับการเดินตัวหมากไปมาเพื่อพิสูจน์มันเหรอ?

ผมไม่อยากเสียแรงเปล่าหรอกนะ



อิซึมิ : อืม... ฉันไม่เห็นรู้สึกว่ากำลังจะแพ้เลย ยังไงฉันก็รับคำพูดนายไม่ได้หรอก ปล่อยให้ฉันเล่นต่อเถอะ

ตกลงรึเปล่าล่ะ เทนโชวอิน?



เอย์จิ : เอาเถอะ ผมก็ไม่อะไรหรอก ถึงแม้ว่าผมจะคิดว่ามันเสียเวลาเปล่าก็เถอะนะ
เซนะคุง หมากรุกเป็นเกมที่ผมถนัดนะ อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ ผมสุขภาพอ่อนแอตั้งแต่เด็ก เพราะงั้นผมก็คงจะเล่นได้แต่พวกเกมที่เล่นในบ้านได้เท่านั้นล่ะ

ผมไม่มีอะไรทำหรอกนอกจากหมกมุ่นคิดแต่เรื่องเกี่ยวกับตัวเองมาตั้งแต่เมื่อก่อน....

ตั้งแต่เป็นตัวท็อปๆ ของการเล่นเกมกระดาน ผมก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เป็นมือสมัครเล่นมาก่อนเหมือนกัน

ผมก็มีความทรงจำแย่ๆ เกี่ยวกับหมากรุกนะ ผมเลยไม่ได้แตะมันมาพักใหญ่ๆเลย

แต่ว่า จะหมากรุก คณิตศาสตร์ ดนตรี หรือความสามารถของเธออย่างบัลเล่ต์... ทุกอย่างก็เป็นความสามารถทั้งหมดนั่นแหละ

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเล่นเกมที่พระเจ้าเป็นคนวางไว้

มันไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยตวามขยันหรือโชคหรอกนะ

ถึงแมต้ตั้งแต่เมื่อสมัยผมอายุสิบขวบ ผมก็ไม่เคยแพ้ใคร แม้แต่พวกผู้ใหญ่ก็ตาม

การเสมอ... หรือแม้แต่สิ่งที่ตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้เมื่อเล่นกับผม.... มีเพียงแค่     ทสึกินากะคุงเท่านั้นที่ทำได้



อิซึมิ : ถ้าเจ้าคนพื้นๆ แบบหมอนั่นก็ยังทำให้นายเสมอได้ งั้นยังไงฉันก็ชนะได้สบายๆ อยู่ปล้ว หมอนั่นทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าเรื่องแต่งเพลงหรอก



เอย์จิ : งั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอกำลังพยายามบังคับให้ตัวเองคิดแบบนั้นหรอเหรอ?



อิซึมิ : หืม... ถ้านายเสมอกับหมอนั่น งั้นความสามารถนายก็แค่เรื่องโกหกเท่านั้นล่ะ

ไม่ใช่ว่าการที่พวกเขามาเล่นแข่งกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเทนโชวอิน พวกเขาตั้งใจแพ้เพราะมัวแต่เกรงใจความคิดของคนในตระกูลนายรึเปล่า?



เอย์จิ : จริงๆ มันก็เป็นไปได้นะ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ผมเป็นคนประเภทที่ว่าจะใช้ความสามารถจริงๆในการเล่นเพื่อให้ชนะเท่านั้น...

หมากรุกก็เช่นกัน ผมก็สามารถยืนยันได้ว่าผมไม่มีวันแพ้หรอก... เพราะแบบนั้นแหละ เข้าใจมั้ย เซนะคุง?

การ์ดทุกใบถูกวางไว้หมดแล้ว ทั้งความสามารถ สภาพแวดล้อม การสื่อสาร ข้อมูล...

ด้วยน้ำหนถกของสิ่งเหล่านี้ ก็พอสำหรับการยืนยันในชัยชนะของผมแล้วล่ะ ผมก็เลยกล้าพูดว่า "รุกฆาต" ยังไงล่ะ

หมากรุกเป็นเกมที่ที่สุภาพสะ ผมไม่อยากทำให้มันเป็นเกมที่สกปรกด้วยเลือดที่เป็นภัยของผมหรอก ผมเลยอยากให้เธอยอมแพ้ซะ

ผมอยากให้เกมนี้มันจบลงโดยที่ปลายดาบของผมจ่อลงกับคอของเธอ

ผมไม่จำเป็นต้องฆ่าเธอ มันไม่ใช่ความงดงาม แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ยอมรับมันอีก เพราะงั้นผมคงไม่มีทางเลือก



อิซึมิ : …......



เอย์จิ : เซนะคุง? อย่างน้อยก็ตอบอะไรหน่อยสิ มันทำให้ผมเหงานะ... เธอกำลังคิดอยู่งั้นเหรอ? หรือว่าเธอกำลังหาทางเอาชนะสถานการณ์ที่ไม่มีสิทธิ์เอาชนะได้นี่อยู่?

ยังไงก็ไร้ประโยชน์อยู่แล้วล่ะ ตั้งแต่ที่จุดมุ่งหมายของพวกเราคือการพูดคุย หมากรุกมันก็เป็นแค่ทางเลือกอีกแย่างในการหาอะไรทำ

ถ้าเกิดเธอกดดันมากเกินไปล่ะก็ ก็เท่ากับเธอแพ้แล้วล่ะ



อิซึมิ : อืม... ฉันยังยอมรับไม่ได้อยู่ดี ฉันไม่คิดว่าจะแพ้หรอก



เอย์จิ : เธอนี่มันหัวรั้นจริงๆ นะ เอาล่ะ งั้นก็ได้ เชิญใช้ความคิดให้พอใจเถอะ...

ถ้านายเอาแต่คิดว่าทำยังไงถึงจะชนะ มันจะยิ่งทำให้ผมได้เปรียบเรื่องการพูดคุยนะ ทุกอย่างก็จะกลายเป็นอย่างที่ผมต้องการ



อิซึมิ : นี่ไม่ใช่ที่สำหรับมาเจรจาต่อรอง มันไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับฉันที่จะไหลไปตามเกมของนาย

แต่นั่นมันรบกวนฉันเหมือนกัน อย่างน้อยฉันก็แค่อยากจะชนะนายแล้วปล่อยนายนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งไปซะ

ฉันจะเดินหมากไนท์... นายจะฆ่ามันรึเปล่า? เหมือนกับที่นายทำเมื่อนานมาแล้ว?



เอย์จิ : เธอก็รู้ว่าผมสามารถฆ่าใครก็ได้ถ้าผมต้องการ

ถ้าเธอกำลังวางแผนที่จะลดการโจมตีของผมลงด้วยการกระตุ้นความรู้สึกผิดในตัวผมล่ะก็ นั่นมันก็เป็นโชคร้ายของเธอแล้วล่ะ

ผมคือจักรพรรดิ ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเลือกที่จะนั่งบนบัลลังก์แล้ว ผมก็จะสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป

ถ้ากฎถูกสร้างด้วยความรู้สึกของคนแล้วล่ะก็ ประเทศนั้นก็จะไม่คงอยู่หรอก



อิซึมิ : นายพูดขัดกันเองนะ มือนายไม่ยังไม่ขยับเลยนี่?



เอย์จิ : ...ขอโทษที เหมือนผมจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์นิดหน่อยน่ะ ผมเล่นกับทสึกินากะคุงมาตั้งหลายตา แต่เขาก็มักจะเดินไนท์ไปข้างหน้าเสมอ



อิซึมิ : ดูเหมือนมันจะมีปริศนามากมายที่คนอย่างเจ้าหมอนั่นจะเล่นหมากรุกเป็น นี่หมอนั่นเข้าใจกฎของเกมนี้จริงเหรอ?

เขาไม่มีความจำอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองไม่สนใจหรอกนะ รู้มั้ย?



เอย์จิ : ผมก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน เขาชอบเพิ่มกฎใหม่ๆ เข้าไป อย่างเช่นไนท์สามารถใช้การโจมตีที่เป็นปัญหาได้ อย่างเช่น...

จริงๆเลยนะ ผมว่าผมตามเขาไม่ทัน

ผลลัพธ์ที่ออกมา เราไม่เคยหาบทสรุปได้ ไม่สิ มันไม่ได้ตั้งแต่การเริ่มเกมด้วยซ้ำ

ยังไงก็เถอะ ทสึกินากะคุงไม่เคยมีความตั้งใจอะไรที่จะเล่นอยู่แล้ว

นี่ เซนะคุง ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมทุกคนบอกมันเป็นความผิดของผม แถมผมยังเชื่อว่ามันจริงอีกต่างหาก...

แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว

ผมชอบทสึกินากะคุงนะ มันสนุกที่ผมได้เล่นกับเขา นี่ เซนะคุง... ทำไมทสึกินากะคุงถึงได้หยุดหายไปล่ะ?

ใครเป็นคนฆ่าเจ้าหนูโรบินนั่น?

--------

[Talk]  สุดท้ายก็ออกทะเลมาเป็นอีเว้นท์นี้จนได้ค่ะ 55555 ส่วนตัวเพราะว่าแปลไว้จนจบแล้ว แต่ว่าเอามาแก้ภาษานิดหน่อยค่ะ

**เจ้าหนูโรบิน แปลมาจากภาษาอังกฤษที่เขียนว่า Cock Robin นะคะ ในที่นี่ เอย์จิกล่าวถึงเลโอ เหมือนจะสื่อว่าเลโอคือโรบิน มีการใช้คำนี้ในอีเว้นท์ Star Festival เหมือนกันค่ะ

จะพยายามทยอยลงนะคะ ( *`ω´) ไว้ว่างๆ จะมาหัดแต่งบล็อคกันอีกที ยังเล่นไม่เป็นเลย 5555

สังเกตได้ว่า หน้าปกมีสองคน ลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด-- ขอโทษค่ะ 55555 เพราะความติ่งล้วนๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น