วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Reminiscence * Monochrome Checkmate - A Solitary Throne 5



Checkmate throne5

Location: Checkmate Stage


เลโอ : วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า  ขอโทษที่ให้รอนะ!


อิซึมิ : เฮ้ นายน่ะ... มาช้านะ เลโอคุง ความตรงเวลาถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานเลยนะ

อย่าให้ฉันต้องบอกซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบจะได้มั้ย?


เลโอ : ฉันบอกว่าขอโทษไง นายนี่อารมณ์เสียตลอดเวลาเลยนะ เซนะ นายจะแก่ไวนะรู้ไว้ด้วยแล้วก็จะมีรอยตีนกาบนหน้าตาสวยๆ ของนายด้วยนะ?


อิซึมิ : ฉันก็ไม่ได้วางแผนว่าจะมีชีวิตอยู่ยาวขนาดนั้นหรอก ฉันอยากจะมีชีวิตอยู่สั้นๆ แต่ว่าเต็มที่แล้วงดงามซะมากกว่


เลโอ : อะไรนะนายต้องอายุยืนสิมาเป็นเพื่อนกันจนกว่าพวกเราจะกลายเป็นคนแก่ไปเลยเถอะ— เกี่ยวก้อยสัญญาแล้วนะ


เอย์จิ : ขนาดมาช้าแล้วเธอยังไม่รู้จักอายเลยนะ ทสึกินากะคุง ผมต้องจัดการเวลาของผมเพื่อที่จะมาช่วยเธอเลยนะ ไม่มีอะไรอยากจะพูดกับผมหน่อยเหรอ?


เลโอ : โอ๊ะ เทนชิล่ะนายมาช่วยฉันเหรอดีใจที่สุดเลย!

ฉันขอให้นายมาช่วยเพราะว่ายังไงฉันก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ยังไงนายก็ดูเหมือนคนที่จะยอมตอบรับคำขอของคนอื่นซักเท่าไหร่นี่ 


เอย์จิ : ผมหวังว่าเธอจะไม่เข้าใจผมผิด

ผมยินดีตัดนิ้วด้วยซ้ำถ้สเกิดเป็นเพื่อเพื่อนแล้วล่ะก็

ยังไงก็ตาม ผมไม่มีประสบการณ์มากเท่าไหร่เพราะว่าอยู่แต่ที่โรงพยาบาลมานานนนมากเลยล่ะ เพราะงั้นวันนี้ก็คงจะได้เรียนรู้บ้างนิดหน่อย


เลโอ : วะฮ่าฮ่า ถ้าเกิดมันทำให้นายสนุกได้ล่ะนะ~? ฉันก็อยากจะชวนนายมาฉลองที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเหมือนกัน!

นายชอบไลฟ์โชว์ใช่มั้ยล่ะ

แค่นั้นแหละ เพราะงั้นอยากคิดมากเลยนะ


เอย์จิ : หืมม... ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ บางทีผมก็รู้สึกว่าไม่ควรจะฝืนตัวเองออกมาที่นี่เลย ผมไม่สามารถเอาเวลามาใช้อย่างเปล่สประโยชน์ไม่ได้หรอกนะ


เลโอ : ฉันจะไม่ทำให้มันไร้ค่าหรอกคิดว่านะแต่เอาจริงๆฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

วะฮ่าฮ่าฮ่า 


อิซึมิ : เฮ้... มันก็ดีอยู่หรอกถ้าเกิดพวกนายจะเข้ากันได้ดีน่ะ แต่ว่าช่วยจริงจังหน่อย เพราะพวกเรามีเวลาไม่มากก่อนจะเริ่มไลฟ์แล้วนะ รีบวอร์มแล้วก็มาซ้อมกันได้แล้ว โอเคมั้ย?

สำหรับสาเหตุที่นายมาสาย ไว้ฉันจะถามทีหลังแล้วกัน


เลโอ : อื๋อฉันไม่อยากโดนดุนี่ เพราะงั้นจะอธิบายสั้นๆ ตอนนี้เลยแล้วกัน ฉันไปเจรจากับพวกศัตรูใน Chess ของพวกเรามานิดหน่อยน่ะ


อิซึมิ : กับ Chess เหรอแต่ยังไงก็เถอะ พวกนั้นยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยซักคนไม่ใช่เหรอ หืม...?

มันเป็นกลุ่มของเจ้าพวกคนขี้เกียจ ให้เดาก็คงจะโดดซ้อมแล้วก็ไลฟ์ไปส่งๆ หรืออะไรแบบนี้นี่แหละ


เลโอ : ใช่เลยเจ้าพวกนั้นดูขี้เกียจสุดๆ เลยล่ะแต่ว่าพวกนั้นก็เริ่มจะเข้าใจขึ้นมาบ้างตอนที่ฉันเข้าไปพยายามชวนคุยน่าเสียใจสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย!

ฉันไม่อยากให้เจ้าพวกนั้นทำลายสเตจที่นายกับทุกคนช่วยกันสร้างมันขึ้นมา... ก็เลยบอกพวกนั้นไปว่า ถ้าเกิดจะทำแบบนี้ล่ะก็ ยอมแพ้ไปซะ


อิซึมิ : อะไรนะหมายความว่ายังไงอย่าสร้างปัญหาเชียว เข้าใจมั้ย...?


เลโอ : ไม่มีปัญหาหรอกน่าฉันมีหม่าม๊าคอยช่วยอยู่แล้ว เพราะเขาเก่งอะไรหลายๆมอย่างเลยล่ะ พวกเรามีเรื่องคุยกันเสมอเลย!


อิซึมิ : หม่าม๊าหมายถึง...?


มาดาระ : ฉันเองแหละะะเลโอซังฉันกะแล้วว่านายต้องอยู่บนสเตจแล้ว แต่คงดีกว่านี้ถ้าฉันไม่หนีไปอยู่ข้างหลัง ใช่มั้ย?

ช่วยเก็บกวาดเรื่องยุ่งๆ แบบนี้มันทำให้ลำบากเอาเรื่องเลยนะ!

ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจัดไลฟ์ที่ไหน แต่ว่านายตะโกนว่า "มันคือสงคราม!" แล้วก็วิ่งออกไป...

ฉันหลงกับนายหลายรอบเลยนะ ตกใจพอควรเลยนะ รู้มั้ย?


เลโอ : โทษที โทษทีแต่ว่านะ หม่าม๊า เพราะว่านายจริงจังกับเรื่องนี้ นายก็เลยตามฉันมาจนถึงที่นี่ได้ใช่มั้ยล่ะ?


มาดาระ :นายคาดหวังกับฉันมากไปนะเนี่ยแต่ว่า ถ้าเกิดเป็นอย่างที่นายหวังไว้น่ะนะ เลโอซัง ฉันคงต้องแสดงพลังที่แท้จริงเพื่อความปรารถนาของนายแล้วล่ะ

แต่ยังไงก็ตาม...

ด้วยคำขอของเลโอซัง ฉันก็เลยติดต่อกับพวกคนใน Chess เพราะฉันช่วยทั้งสองฝ่าย ก็เลยรู้จักคนมาาากมายเลยล่ะ


อิซึมิ : คุยกันเหรอนี่นายหายไปทำอะไรมาเนี่ย... ยังไงก็เถอะ ในฐานะลีดเดอร์ของ Knights เลโอคุงต้องวางตัวในฐานะผู้สั่งการด้วย ใช่มั้ย?

เพราะงั้นอย่างน้อยที่สุด ช่วยคุยกับฉันก่อนจะถึงเวลาหน่อยได้มั้ย?

มันมีปัญหาทุกครั้งเลยตอนที่นายหายไป รู้ตัวบ้างรึเปล่า?


เลโอ : โทษทีนะแต่นายก็เห็นนี่ ฉันไม่อยากจะให้นายคิดเรื่องพวกนี้มากเกินไป

นายปกป้องฉันมาตลอด เซนะ นายคอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอ คอยดุฉันทุกครั้งเวลาฉันทำอะไรโง่ๆ

นายเป็นดาบของฉัน เป็นโล่กำบังของฉัน และเป็นเกราะของฉัน

ฉันต้องถอดเกราะนั้นออก และเผชิญหน้ากับพวกนั้น ในฐานะของมนุษย์ด้วยกัน


อิซึมิ : เหมือนกับที่ฉันถาม สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?


เลโอ : นั่นสินายนี่ใจดีกับทุกอย่างเลยนะ เซนะ นายก็เลยไม่พูดความจริงกับฉัน เพราะว่ากลัวฉันจะเจ็บตัว ใช่มั้ยล่ะ?

ไม่เป็นไรหรอก ฉันรักส่วนนั้นของนายนะ เซนะ!

แต่ว่า... ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน มันคงจะดูขี้ขลาด ถ้าเกิดฉันคอยให้นายปกป้องเอาไว้ตลอดไป

ฉันมีแค่หมะม๊าที่คอยทำให้ฉันติดต่อกับเจ้าพวกนั้นได้ แล้วฉันก็พยายามจะเข้าไปพบหน้าพวกนั้นทั้งหมดด้วยตัวเอง

ไม่ใช่ในฐานะของ Chess แต่เป็นในฐานะของอดีตพวกพ้อง ที่พวกเราแยกตัวออกมา

ทุกคนในนันเป็นเพื่อนที่ฉันรักทั้งนั้น แต่ฉันเริ่มจะสงสัยว่าพวกนั้นคิดกับฉันโดยหวังผลประโยชน์...

ถ้าเกิดเจ้าพวกนั้นเห็นฉันเป็นของมีค่าเหมือนกับที่เซนะทำ

ยังไงก็แล้วแต่ ฉันเพิ่งรู้สึกสงสัยขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้เอง... ฉันก็เลยพยายามจะเข้าไปยืนยันด้วยตัวเอง ยังไงก็ตาม ฉันก็ไม่ควรจำทิ้งของสำคัญเอาไว้ที่ใครอื่นหรอก

===================================

poor boy เลโอคุง T v T

Reminiscence * Monochrome Checkmate - A Solitary Throne 4



Checkmate throne4

Location: Checkmate Stage


อิซึมิ : เฮ้... เจ้าสองคนตรงนั้นน่ะ เลิกคุยกัน แล้วมาเตรียมตัวให้พร้อมได้แล้ว

พวกนายน่าจะเป็นคนที่มาช่วยที่เลโอคุงบอกใช่มั้ยแถมยังใส่เครื่องแบบแบบเดียวกับพวกเราอีกต่างหาก เพราะงั้นถ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับเราล่ะก็ ช่วยรีบๆ มาซ้อมด้วยกันทีจะได้มั้ย?


เอย์จิ : อ๊ะ ขอโทษทีนะ พอดีว่าผมไม่ค่อยได้เข้าร่วมไลฟ์เท่าไหร่น่ะ... ผมไม่มีประสบการณ์อะไรมากมายหรอก เพราะงั้นขอบคุณพวกเธอนะ ที่ชวนผมมาด้วยน่ะ


อิซึมิ :โอเครึเปล่านายอยู่ในโรงพยาบาลมานานมากเลยนะ...?

อย่าฝืนตัวเองมากเกินไปล่ะ เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลแท้ๆ เข้าในมั้ยมันจะเจ็บตัวเปล่าๆ นะ ถ้าเกิดนายดันล้มระหว่างไลฟ์

รีบถอยไปซะ ถ้าเกิดคิดจะเข้ามาเกะกะ ไอ้ลูกครึ่งป่วย


เอย์จิ : ...ไม่จำเป็นต้องห่วงหรอกน่า

หืมตรงนั้นมัน...?


ริทสึ : ...หืม อะไร นายเป็นใครน่ะ?


เอย์จิ : หรือว่าเธอจะเป็นน้องชายของรุ่นพี่ซาคุมะน่ะผมว่าเหมือนผมเคยเห็นในเอกสารอยู่ พี่น้องเหรอ..

พวกเธอหน้าตาคล้ายกันเลยนะ 


ริทสึ : ไม่เห็นจะเหมือน เจ้าสิ่งมีชีวิตนั่นกับฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้นแหละ


อาราชิ : เดี๋ยวนะ... รุ่นพี่ซาคุมะ หมายถึงรุ่นพี่ซาคุมะคนนั้นน่ะเหรอริทสึจัง เขาเป็นพี่ของเธอเหรอ?


เอย์จิ : อย่าบอกนะว่าพวกเธอไม่รู้เรื่องนี้น่ะ?

แล้วทำไมยังพยายามที่จะเป็นเพื่อนกับเขาอยู่ล่ะไม่ใช่ว่าเธออยากจะสนิทกับรุ่นพี่ซาคุมะเลยพยายามตีสนิทผ่านเขาหรอกเหรอ?


ริทสึ : ……


เอย์จิ : ...โอ๊ย!?


อิซึมิ : เฮ้ คุมะคุง นายจะไล่หมอนั่นก็ได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรงแล้วกัน


เอย์จิ : เธอนี่มันแย่จริงๆ แม้แต่พ่อแม่ยังไม่เคยตีผมเลย..อย่างน้อยก็อย่ามายุ่งกับหน้าผม เพราะว่าตอนนี้พวกเรายังต้องไลฟ์อีก ยังไงในตอนนี้ ผมก็ยังเป็นพรรคพวของพวกเธอนะ

ทำร้ายร่างกายพวกพ้องก่อนจะเริ่มต่อสู้ ไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นแผนที่ดีเลยนะ

ฮึฮึ ซาคุมะ ริทสึคุง สินะ?

ดูเหมือนว่าเธอคงจะไม่ค่อยชอบพี่บายล่ะสิ แต่ถ้าเกิดเธอไม่พอใจกับการเป็น "น้องชายของซาคุมะ เรย์"... เธอจะเหลืออะไรอีกล่ะ?

ถ้าเกิดเธอไม่อยากจะเป็นเครื่องมือสำหรับคนอื่น แต่เธอก็อยากจะให้ทุกคนมองว่าจริงๆ เธอเป็นใครล่ะก็...

เธอจะต้องเอาชนะสิ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้นให้ได้ แล้วก็แสดงให้เห็นความหมายในฐานะที่เธอเป็นเธอ

แต่ถ้าเธอไม่ทำ เธอก็จะเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจ หัวฟัดหัวเหวี่ยงเพียงเพราะว่าพ่อแม่ของเธอไม่สนใจในตัวเธอ

น่าเกลียดจริงๆ...

ผมพูดเป็นการแก้แค้นที่ถูกเธอต่อย แต่สำหรับตอนนี้ เธอก็ดูสมควรได้รับความรักอยู่หรอก

ถ้าเกิดเธอมีอะไรที่มีค่า หรืออะไรบางอย่างที่ต้องการจะปกป้อง...

เพราะงั้น ก่อนที่พี่ชายของเธอจะขโมยมันไป เธอก็ควรจะปกป้องมันเอาไว้ แล้วก็ทุ่มสุดกำลังเพื่อที่จะเก็บมันเอาไว้

ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือบ่ะก็ ผมก็สามารถช่วยได้นะ ผมก็อยากจะรู้ว่าเธอสนใจอะไรเหมือนกัน ผมรู้สึกนะ ว่าพวกเราจะสามารถเข้ากันได้ 

มันเหมือนกับว่าจะโดนลบล้างด้วยแสงสว่างจากคนที่เก่งกาจรอบๆ ตัวเธอ แล้วพวกเราก็ต้องสู้กับทัน ความโกรธ และความผิดหวัง...

พวกเราคล้ายกันนะ ผมคิดว่าเราคงจะเป็นเพื่อนกันได้


ริทสึ : ฉันไม่อยากได้เพื่อน ปล่อยฉันไว้เถอะ นายมันน่ารำคาญนะ...?


เอย์จิ : น่าอายจริง ผมถูกปฏิเสธเหรอ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เธอจะใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดต่อไปก็ได้ นั่งห่อไหล่กอดเข่าเอาไว้แบบนั้นแหละ

นั่งกรีดร้องและร้องไห้ต่อไปจนกว่าคุณปะป๊ากับหมะม๊าจะมารับกลับไปเถอะ

เหมือนกับทารกที่ไร้ทางสู้ ตามสบายเถอะ ถ้าเกิดเธอจะใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย เล่นไปอย่างไร้เดียงสาในสวนหย่อมเล็กๆ นั่น

แต่ว่านั่นก็ดูจะไม่ได้แตกต่างตากศพที่นอนอยู่ในโลงศพเลยไม่ใช่รึไง?


ริทสึ : ……


ทสึมุกิ : เอ่อเอย์จิคุง อย่าพูดอะไรน่ากลัวๆ แบบนั้นขึ้นมาสุ่มสี่สุ่มห้าสิ

พวกเราเป็นแค่ผู้ช่วยไม่ใช่เหรอ... ทำตัวให้ดีๆ แล้วก็อย่าไปสร้างปัญหาจะดีกว่านะ?


เอย์จิ : ผมรู้แล้วน่า ผมหวังว่าเธอจะไม่คอยตำหนิผมทุกอย่างที่ผมทำหรอกนะ ทสึมุกิ

ยังไงก็เถอะ ทสึกินากะคุงมาขอให้พวกเราช่วยก็จริง... แต่ว่า ดวงดาวดวงสำคัญหายไปไหนซะแล้วล่ พอจะรู้อะไรมั้ย เซนะคุง?


อิซึมิ : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็ห่วงเขาเหมือนกันนั่นแหละ... เขายังไม่ได้ซื้อโทรศัพท์ใหม่หลังจากทำหายไปด้วยซ้ำ ก็เลยติดต่อเขาไม่ได้

ฉันพยายามจะติดต่อไปที่บ้านของเขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกิดเรื่องแบบ "ฉันลืมเรื่องไลฟ์แล้วก็เลยกลับบ้านไปแล้วล่ะ~" เลย

เจ้าโง่นั่น เขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาอยู่ที่ไหนกัน?

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พวกเราต้องจัดการ Checkmate ด้วยตัวเอง เทนโชวอิน ทุ่มเทให้เต็มที่ซะล่ะ ตกลงนะ?


เอย์จิ : อะไรกัน...? ผมมาที่นี่ด้วยเพราะว่าผมคิดว่าผมจะได้จับตามองทสึกินากะคุงใกล้ๆ บนเวทีเดียวกันแท้ๆ นี่มันไม่เหมือนกับที่ผมคาดหวังเอาไว้เลย แต่มันก็ไม่เป็นไรหรอก

อะไรๆ ก็ไม่เหมือนที่คิดไว้ล่ะนะ วันนี้ วะงไงก็เถอะ ตอนนี้ผมอยู่บนสเตจแล้ว ผมจะชนะ ผมน่ะ เกลียด เกลียดความำ่ายแพ้เอามากๆ


อิซึมิ : ฉันก็เหมือนกับนายนั่นแหละ ฉันจะไม่มีวันแพ้ใครใน Chess ที่มีแต่เจ้าพวกขี้เกียจ แล้วก็ใช้ชีวิตไปวันๆ...

แต่ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้รับรางวัลทุกครั้งหลังจากความพยายามหรอก

แต่นายก็จะลงเดิมพันก็ได้นะ ถ้าเกิดนายไม่เชื่อมั่นล่ะก็ นายก็จะทำอะไรไม่ได้

==============================
มีเวลาว่างกลับมาอัพต่อแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ผ่านมาได้เกินครึ่งทางแล้ว (นานแล้ว--)

ข่าวร้ายคือ ไม่มีเวลาแปล Lionheart ต่อเลย ขอเวลาหน่อยนะคะ T v T

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Reminiscence * Monochrome Checkmate - A Solitary Throne 3


Checkmate throne3

Location: Checkmate Stage


เอย์จิ : มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เลยล่ะ ผมยังไม่ทันได้ใส่ไฟอะไรเลย แต่มันเกิดขึ้นให้เองเลยล่ะนะ


พวกนั้นเชื่อว่าตัวเองมีกลยุทธ์ที่ดีสุดขีดเลยล่ะ แต่ว่าสุดท้ายก็เดินหมากไปตามที่ผมคาดการณ์เอาไว้เท่านั้น


โง่ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดพวกนั้นยังอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ยักษ์นั่น ผมก็คงแตะต้องอะไรไม่ได้หนอก


พวกนั้นค่อยๆ เดินโซเซเข้าไปหาปัญหา แล้วก็ทำให้ตัวเองถูกทำลายลงได้ง่ายๆ


จากพลังเล็กๆ ความเก่าแก่ ความยิ่งใหญ่ของ Chess เลยแตกกลายเป็นตัวหมากเล็กๆ แล้วก็ถูกบีบคั้นให้ต่อสู้กันเอง


ผมจะจัดการพวกเศษขยะโสโครกนั่นออกไป ทำให้ยูเมะโนซากิสะอาดเอี่ยม


แน่นอนว่านี่ก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหมือนกับอาหารเรียกน้ำย่อยนั่นแหละ


มันยังไม่ถึงเวลาของ fine ที่จะเปิดตัว ผมจำเป็นจะต้องให้ทสึกินากะคุงทำลายทุกอย่างของ Chess ให้ไม่เหลือชิ้นดีให้ผมซะก่อน


ด้วยคำอนุมัติจากอาจารย์ ในฐานะสภานักเรียน พวกเราสามารถจัดแพลนสำหรับดรีมเฟสได้ตามใจชอบ


พวกเราจะตัดสินใจว่าจะเริ่มอะไรยังไงก็ได้ การ์ดใบไหนที่เหมาะจะนำมาใช้ขึ้นอยู่กับความคิดของพวกเราล้วนๆ


ผมจะเข้าหาทสึกินากะคุงในเวลาที่เหมาะสม ถ้าเกิดเขาแพ้ แล้วถูกทอดทิ้งเอาไว้กลางทาง มันก็จะเป็นไปตามแผน แต่ว่า...


ดูเหมือนเขาจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ นั่นแหละ แม้ว่าเขาจะต้องต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยังเอาชนะมาได้ นั่นคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความมั่นคงของยูนิตยูนิตของทสึกินากะคุง มันเป็นของขวัญสำหรับเพื่อนผู้ทำให้ผมหลุดจากความน่าเบื่อระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาลได้


อัจฉริยะไม่สมควรถูกเก็บเอาไว้ ผมอยากให้ความอัจฉริยะของเขาไดแสดงคุณค่าออกมา การยืนบนหินทำให้เราอยู่สูงยิ่งกว่าศัตรูคนไหน


แต่ถ้ามันไม่เป็นแบบนั้นล่ะก็ ชัยชนะของผมก็มีค่าไม่พอสำหรับที่ผมทารุณเจ้าพวกนั้นไปหรอก


เธอต้องขุนเหยื่อให้อ้วนก่อนที่จะจับมันกินไงล่ะ ทสึมุกิ



ทสึมุกิ : สกปรกจริงๆ เลยนะ~ เหมือนกับปีศาจของพ่อมดตามเทพนิยายเลย


นายจะเป็นตัวเอกของเรื่องไม่ใช่เหรอ? ที่ทำอยู่ตอนนี้มันเหมือนกับตัวร้ายเลยนะ รู้ตัวมั้ย?



เอย์จิ : ถ้าเกิดเธอมองในอีกมุมมองนึง แม้แต่ตัวเอกก็สามารถเป็นตัวร้ายที่สกปรกที่สุดก็ได้นะ ผู้ที่เขียนเรื่องราวออกมา คือผู้ที่กอบกุมชัยชนะ และผู้รอดชีวิต...


เพื่อที่จะหลบจากการถูกบันทึกว่าเป็นผู้ร้าย เราก็ต้องมีชีวิตอยู่ และเอาชนะไปเรื่อยๆ



ทสึมุกิ :แต่ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ มันจะโอเคเหรอ ที่จะบีบให้ทสึกินากะคุงทำหน้าที่ในส่วนแย่ๆ ของยูเมะโนะซากิ?


ผลจากการที่เขาเอาชนะดรีมเฟสอย่างต่อเนื่อง เกรดและชื่อเสียงของเขาจะพุ่งขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุดเลยนะ


แล้วในที่สุด นายก็จะไม่สามารถควบคุมเขาเอาไว้ได้ ในฐานะที่นายกำลังสู่กับพวกศัตรูกระจ้อยร่อย นายไม่ได้กำลังสร้างสิ่งที่ตรงข้ามที่ยิ่งใหญ่กว่าพวกนั้นอีกเหรอ?



เอย์จิ : มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ เลยล่ะ แล้วอีกอย่าง เขาก็เป็นเพื่อนของผม... ผมคิดว่าเขาอาจจะไม่เป็นศัตรูของพวกเราด้วยซ้ำ มันเหมือนจะเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ต้นแล้ว เขาเป็นประเภทที่เกลียดการทะเลาะเบาะแว้ง


แล้วในจุดเดียวกัน ผมก็คิดว่าเขามาถึงขีดจำกัดแล้วล่ะ ที่ผมจะสามารถหลอกล่อเขาเข้ามาอยู่กับผมได้ ใช้เขาเป็นอาวุธสุดท้ายที่จะต่อสู้กับพวกห้าประหลาด


ผมเตรียมเรื่องนั้นเอาไว้พอสมควรแล้วเหมือนกัน


มันจะเป็นยังไงก็จะขึ้นอยู่กับผม แต่ว่าผมก็ยังไม่สามารถอ่านทางของทสึกินากะคุงได้...


ผมว่าคงจะเรียกอย่างที่เธอเคยบอกว่าเขาคือสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ ไม่ได้เดินหมากไปในทางที่ผมเดาเอาไว้ว่าเจาจะทำ


ถ้าเกิดเป็นเขาที่รักพวกพ้องมากนักหนา แม้ว่าจะเป็นพวกหยาบคาย หรือว่าคนโง่ที่เป็นสมาชิกของ Chess...


ผทไม่คิดว่าเขาจะทนต่อความจริงที่ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสหายเก่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


เขาจะทนไม่ไหว แล้วก็ล้มลงในที่สุด ตรมที่ผมเดาไว้นะ เขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลและความเหนื่อยล้า ผมก็แค่ต้องยื่นมือไปหาเขาอย่างอ่อนโยนเท่านั้น...


นั่นคือแผนที่ผมคิดเอาไว้อยู่แล้วล่ะนะ


แต่กลายเป็นว่า แม้แต่ในตอนนี้เขาก็ยังมีพลังที่จะลุกขึ้นสู้ เขาอยู่เหนือกว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้ แล้วก็ยืนขึ้นอย่างมั่นคง สิ่งที่ช่วยสนับสนุนเขามาตลอดจริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่?



ทสึมุกิ : อาจจะเป็นเซนะคุงรึเปล่า? พวกเขาดูสนิทกันนะ แถมยังมีแค่คนเดียวด้วยทีอยู่ด้วยกันแล้วจะรู้สึกว่าปลอดภัย


ฉันจะดีใจนะ ถ้าเกิดฉันเป็นแบบนั้นให้นายได้เหมือนกันน่ะ เอย์จิคุง



เอย์จิ : เธอทำได้ดีพอแล้วล่ะ ผมรู้สึกดีใจมากๆ อยู่แล้วล่ะนะ ทสึมุกิ


อืม~... แต่มันก็จริงอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ เซนะคุงเป็นคนนึงที่คอย

สนับสนุนทสึกินากะคุงมาตลอด หืม ดูเหมือนว่าครั้งหน้าพวกเราอาจจะได้เข้าไปโจมตีเขาซักหน่อยล่ะนะ


เซนะคุงเป็นประเภทที่ขยัน ซึ่งก็สามารถหาได้ทั่วไปอยู่แล้วบางคนที่ใช้ความสามารถของเขาเป็นแรงขับเคลื่อนออกไป


แน่ว่าความสามารถของเขาก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่ง เขาไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าของพื้นๆ ดาบที่ไร้นาม


มันเป็นงานที่ง่ายๆ เลย ที่จะทำลายเขา


อย่างแรก พวกเราจะต้องชิงอาวุธของทสึกินากะคุงออกมาก่อน


พวกเราจะโยนเขาออกไปในอากาศที่หนาวเหน็บในสภาพที่เปลือยเปล่าอย่างไร้ค่า แล้วสุดท้ายผมก็จะเป็นคนที่เข้ามาช่วยเอาผ้าห่มที่อบอุ่นมอบให้เขา



ทสึมุกิ : นั่นหมายความว่านายคงเป็นแค่เพื่อนธรรมดาไม่ได้เหรอ?



เอย์จิ : ในตอนที่ความสงบสุขกลับมา ก็คงจะใช่ แต่ว่าตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่กลางสมรภูมิรบที่พวกเราเริ่มต้นขึ้น


พวกเราได้ทดลองระบบของดรีมเฟสกับยูนิตมามากพอแล้วล่ะ พวกเราเหลือแค่ปรับแต่งอะไรนิดหน่อยจากข้อมูลที่พวกเราได้มา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับของจริงก็พอ


รูปแบบของ fine ของพวกเรายังไม่เป็นรูปเป็นร่างซักเท่าไหร่ ผมก็เลยอยากจะเลือกเวลาต่างๆ ให้ดีๆ เจ้าพวกห้าประหลาดเป็นปัญหาใหญ่เบยล่ะ พวกเาจะต้องระวังให้มาก


หลังจากนี้คงจะยุ่งมากเลยล่ะ ทสึมุกิ



ทสึมุกิ : ฮึฮึ ยิ่งกว่าเรื่องของอนาคต มาช่วยกันคิดเรื่องที่อยู่ตรงหน้ากันเถอะ เกี่ยวกับ Checkmate...


ตั้งแต่พวกเราถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เราก็ควรจะทำให้มันง่ายมากขึ้นนะ



เอย์จิ : ใช่ มันจะไม่เป็นไร แม้ว่าเราจะแพ้หรือชนะก็ตาม ไม่สำคัญว่าพวกเราจะแสดงออกไปยังไง พวกเราอยู่ตรงที่เพื่อที่จะรอรับผลของมัน นั่นคือสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้แล้ว


ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราจะฉลองให้กับทสึกินากะคุงยังไงมากกว่า ถ้าชนะ แล้วพวกเราก็จะได้ไปถึงแผนขั้นต่อไปได้โดยไร้อุปสรรค


แต่ต่อให้เขาแพ้ พวกเรา fine ก็สามารถแทนที่เขาแล้วก็ทำลาย Chess ได้อยู่ดี


Chess กลายเป็นที่สำหรับคนอ่อนแอไปแล้ว ไม่หลงเหลือความเจริญในยุคทองอีกต่อไป ง่ายราวกับโยนขยะลงถังเลยล่ะ แต่มันก็อาจจะมีปัญหานิดหน่อย ปมก็เลยอยากจะให้ทสึกินากะคุงชนะ


ปล่อยให้หลงผิดในความว่างเปล่าต่อไปนั่นแหละ แต่ว่า...


ในตอนนี้ Chess เป็นแค่เกราะเปล่าๆ เป็นแค่สีหลากสีที่เข้ามารวมตัวกัน ที่ไร้ความสามารถ และไร้ค่า มันไม่ยากที่จะจัดการทำความสะอาดหรอก


สมาชิกอื่นๆ ของ Chess ที่แตกกระจายออกไปเป็นยูนิตอื่นๆ ยังจะดีซะกว่าอีก


พวกนี้ทั้งไร้ความสามารถ ไร้จุดหมาย และไร้ความพยายามที่จะสร้างไลฟ์ของตัวเองให้มีความสุขขึ้นซักหน่อย


ยังไงก็ตาม อย่างเดียวที่หลงเหลือไว้ใน Chess ก็ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของความหวัง


พวกนั้นก็เป็นแค่กลุ่มของคนโง่ที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ภายในปราสาทที่พังทลาย ที่ทำให้ไร้เส้นทางในการหลบหนี


เป็นแค่สสารที่ล่องลอยไปมา ที่ไม่หาทางหนีไปไหนทั้งสิ้น


พวกเราก็แค่ทำความสะอาดมันซะ หลังจากที่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดและความพ่ายแพ้ ผมหวังว่าจะทำให้เจ้าพวกนั้นเปลี่ยนความคิดได้บ้าง


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าเกิดในความเป็นจริง เจ้าพวกนั้นเป็นแค่เจ้าคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้า... พวกนั้นก็ไม่มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่หรอก


พวกนั้นมันก็เป็นแค่ศพที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะใช้อายุขัยของร่างกายให้หมดไปก็เท่านั้น


ให้พวกเราได้จัดการพวกนั้นให้กลายเป็นปุ๋ยเถอะ แล้วก็ใส่ลงไปในดิน พวกเราก็จะได้ดอกไม้ที่สวยงาม


======================

กลับมาแล้วค่า ขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีเปิดเทอมแล้วค่ะ 55555 งานมหาลัยยุ่งมั่ก