วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Reminiscence * Monochrome Checkmate - Epilogue 3



Checkmate epilogue3

ผู้แปล : Graciozo



สถานที่ : ที่นั่งริมสวน


เอย์จิ : เธอก็รู้ ผมมักจะชอบคิดว่าผมกับเขาน่ะ เหมือนกัน ผมมองว่าเขาทั้งตัวบางและเล็ก เหมือนกับเด็กผู้หญิง...


ในโลกของผู้ชาย สุขภาพและพละกำลังเป็นเรื่องพื้นฐานที่พวกเราใช้วัดกัน เขาดูเสียเปรียบในส่วนนั้น


ผมเข้าใจว่าเขาคงจะรู้สึกท้อแท้แล้วก็ก้าวร้าวขึ้นมา ความด้อยค่าที่อยู่ภายใต้นั้น


เขาน่ะ โอบกอดความฝันและความหวังที่เหมือนกับผมเอาไว้ เขาเป็นเหมือนกับใครบางคนที่พยายามวิ่งไปให้ถึงเป้าหมายเดียวกัน


เพราะงั้นผมก็เลยรู้สึกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของเขา ต่อความอับอาย ผมผิดไปแล้ว


ผมเข้าใจว่าเขาเห็นใจ แล้วก็อยากจะสนับสนุนผม ต่อสู้เคียงข้างผม... เพราะงั้นในตอนที่ผมนอนอยู่ในโรงพยาบาล ผมก็เลยให้เขาทำสิ่งที่ผมอยากทำ ในตอนที่ผมไม่สามารถเคลื่อนไหวเองได้


แล้วสิ่งที่ผมต้องการก็คือนำการปฏิวัติเข้ามาสู่ยูเมะโนะซากิ และวงการไอดอล เพื่อการนั้นแล้ว ผมต้องการที่จะบีบคั้นความเน่าเฟะทั้งหมดนั่นออกไป


ในตอนนั้น ผมเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่ตลอด ก็เลยมีปัญหา หากจะต้องทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยตัวเอง


มันเป็นก้าวแรกของผม แล้วก็เป็นบางอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยลองทำมาก่อน... แล้วผมก็ไม่ได้มีใครที่สามารถเชื่อใจได้มากนักหรอก เพราะงั้นผมก็เลยต้องใช้เขาเป็นคนแรก


ในระหว่างที่ผมพยายามจะให้เขาซึมซับเข้าไปด้วยความรู้สึกที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ผมก็ใช้สภานักเรียนสร้างแผนใหม่ขึ้นมาอีกแผน...


แล้วก็ทั้งภายนอกและหลัง ผมก็พยายามจะควบคุมเขาเอาไว้อย่างลับๆ


มันก้าวหน้าไปได้ด้วยดีเลยล่ะ สำหรับส่วนมากน่ะนะ


ผมทำลายกลุ่มใหญ่ๆ อย่าง Chess ใช้ Judgment ลบล้างสิ่งที่เน่าเหม็น... ใช้ Duel เพื่อฆ่าศัตรูทิ้ง เป็นเหมือนกับโรคระบาดที่แพร่เข้ามาจากภายนอก


Judgment ถูกใส่เอาไว้ว่า J Duel คือ D แล้วก็ดรีมเฟสอื่นๆ จะถูกเขียนเอาไว้ว่า O...


เพื่อความสะดวก ผมก็เลยแบ่งมันไปตามตัวอักษรสำหรับงานเอกสารของพวกสภานักเรียน


ส่วนตัวหนังสือยิบย่อยที่เหลือในระบบที่แม้แต่ตอนนี้มักจะถูกเรียกในดรีมเฟสว่า S1 หรือ A1 และแต่ประเภทของมัน


ดูเหมือนว่าผมจะพูดนอกเรื่องแล้วสิ


ในประเด็นนี้ ดรีมเฟสในช่วงนั้นมันก็ยังเป็นแค่การทดลอง... มันยังเป็นต้นฉบับที่ยังคงหยาบอยู่ เพราะงั้น มันจะไม่มีอะไรที่สามารถการันตีว่าจะสามารถทำงานได้ดีได้


เพราะงั้นผมก็จะต้องแบกรับความรับผิดชอบเกี่ยวกับความผิดพลาดในส่วนนั้นเอาไว้ ผมก็จะต้องหาใครบางคนที่จะทำงานในจุดนั้นไว้ ถ้าจะพูดอีกอย่าง คนคนนั้นก็คือทสึกินากะคุง


เขาเป็นตัวเอกตัวแทนของผม ต้องขอบคุณเขา ผมเลยสามารถเก็บข้อมูลความเป็นจริงที่สำคัญ แล้วก็ลบสิ่งสกปรกส่วนนึงออกจากโรงเรียนไปได้


แน่นอนว่าพวกเราอาจจะเรียกมันว่าสงครามหรืออะไรทำนองนี้ แต่ว่ามันกลับไม่มีซากศพให้เห็นเลย


ความพ่ายแพ้ก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับเจ้าพวกที่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล แต่หลังจากการปฏิวัติครั้งนั้น ผมก็เลยทำให้พวกนั้นกลายเป็นผู้สนับสนุนของผม


ทสึกินากะคุงก็ก้าวหน้าขึ้นเหนือยิ่งกว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้ แล้วก็แข็งแกร่งจนเกินไป...


เพราะงั้นการที่จะทำให้มันจบลง ผมก็เลยต้องเตรียม Checkmate เอาไว้ หลังจากที่อาการของผมคงที่แล้ว


Checkmate... เป็นดรีมเฟสเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนไว้ว่าเป็นตัว C และเป็นทางแยกของเรื่องนี้


หลังจากนั้น ตัวเอกก็ได้เปลี่ยนไป ผมเข้าไปในเรื่องราวนั้น เคลื่อนไหวไปโดยหมายว่าจะเอาชนะเหล่าห้าประหลาด


ทสึกินากะคุงเองก็เหนื่อยกับบทบาทของตัวเองแล้วล่ะ มันคือในตอนที่เขากำลังเข้าไปสู่จุดที่กำลังตกต่ำ


หลังจากที่เขาเอาชนะสหายเก่าของตัวเอง คนแล้วคนเล่า เขาก็เริ่มจะถูกคนทุกคนเกลียดชัง แล้วก็ไม่สามารถเอาชนะดรีมเฟสได้อีกต่อไป...


แล้วหลังจากนั้น เขาก็ร้องหาความยุติธรรม เหมือนกับ Don Quixote แล้วก็พยายามที่จะต่อสู้กับตัวร้ายต่อไป


พวกเราค่อนข้างกังวลกับเรื่องเดียวกัน เพราะงั้นก็เลยมีหลายครั้งที่พวกเราได้ต่อสู้ร่วมกันเช่นกัน


แต่ยังไงก็ตาม ความสัมพันธ์แบบนั้นของพวกเราก็ไม่ได้อยู่นานหรอก


หลังจากเรื่องราวทั้งหมด เขาก็สามารถเดาแผนการที่ผมวางเอาไว้ได้ แล้วเขาก็ชอบพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า "นายนี่เจ้าแผนการจริงๆ เลยน้า~" แล้วก็ท้าทายผมอยู่หลายครั้ง แต่ผมก็โต้กลับ


หลังจากนั้นเขาก็จนมุมจนได้ แล้วก็ไม่มีใครคิดจะฟังคำจากปากของฮีโร่ที่ล่วงลับหรอก สุดท้ายเขาก็ถูกเหยียดหยามและขับไล่


ปกติผู้คนมักจะเข้าหาผมด้วยความเห็นใจ บอกว่าเขารู้สึกว่าเรื่องราวของผมมันแย่นะ พวกเขาเห็นใจผม


ผมเลยใช้ประโยชน์จากคนพวกนั้นที่กล้าเข้ามาเล่นกับไฟของการปฏิวัติของผม เขาถูกเผา แล้วก็หายไปในที่สุด... แล้งทุกอย่างก็เป็นแบบที่ผมวางแผนเอาไว้


เป็นเหมือนกับราชาไร้อำนาจผู้โง่เง่า พวกเธอทำได้แค่อับอายขายหน้าตัวเองที่ปล่อยให้ถูกหลอกใช้ ผมเองก็แสดงความเสียใจด้วยนะ แต่ผมก็คิดว่าผมเป็นคนสุดท้ายสำหรับเธอ ที่อยากจะให้เข้าใจความรู้สึก


มันคือสงคราม ผู้คนที่ถูกหลอกใช้ก็เป็นฝ่ายผอดเสมอ ส่วนผู้ชนะก็จะเรียกว่าเป็นผู้ที่ยุติธรรม


แน่นอนว่าผมเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน แต่ผมก็ยังพยายามจะบอกตัวเองแบบนั้น... แล้วผมก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสิ่งที่พวกเธอหลงเหลือเอาไว้


อย่างน้อยของที่ใช้สังเวยไป ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว... สิ่งที่ผมทำตอนนี้ คือการยืนยันไงล่ะ



อิซึมิ : ……



เอย์จิ : ฮึฮึ นี่หมายความว่าการใช้อัจฉริยะอย่างเขา ทสึกินากะคุง ทำให้ฝันของพวกเราทั้งคู่เป็นจริง


พวกเราทำผิดกันทั้งคู่ เซนะคุง ผมไม่ได้โกหกหรอกที่ว่าผมน่ะ เห็นใจเธอนะ


ผมจะดีใจ ถ้าเกิดหลังจากนี้พวกเราจะสนิทกันได้ สนใจจะร่วมมือกันหรืออะไรซักหน่อยมั้ย?


...อย่าเอาความเศร้าหมองมาเป็นข้อแก้ตัวหรือการปฏิเสธเลย เหมือนกับที่ว่าเธอไม่อยากจะยุ่งกับผมหรืออะไรแบบนั้น



อิซึมิ : ฉันไม่พูดอะไรแย่ๆ ออกไปหรอก ถ้าเกิดฉันทำร้ายนาย เขาต้องโกรธฉันแน่ๆ อยู่แล้ว



เอย์จิ : ตกลง ถ้าเกิดเป็นแบบนั้น การจับมือ... กับการสร้างข้อตกลงนี้ พวกเราจะเรียกมันว่าการกลับมาสู่สนามรบได้มั้ยนะ? หรือจะพูดอีกอย่าง พวกเราจะได้เห็นจุดจบของหมากรุกในตานี้รึยัง?



อิซึมิ : ไม่ว่าจะฉันหรือนาย ก็ไม่มีเวลาที่จะเล่นไปเรื่อยหรอกนะ จริงมั้ย? ไม่เป็นไรหรอก พวกเราก็ไม่ได้ต้องการบทสรุปของมัน


มันไม่ใช่เรื่องของฉันที่จะต้องพูดอะไรอยู่แล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะตายไปแล้งซักหน่อย มันยังมีความเป็นไปได้ แม้จะน่อยนิด แต่เขาก็อาจจะกลับมา...


มันคงจะเจ็บปวดไม่น้อย ที่จะต้องดวลกันในนามของเขาทั้งๆ แบบนี้ เพราะงั้นจะขอยกที่เหลือให้หมอนั่นแล้วกัน



เอย์จิ : ...คิดจริงๆ เหรอว่าทสึกินากะคุงจะกลับมาน่ะ?



อิซึมิ : ไม่มีใครรู้หรอกว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น จริงมั้ย? แต่ว่าก็เหมือนเดิม ฉันก็แค่คิดว่ามันคงจะดี ถ้าเขากลับมาจริงๆ


ไว้เจอกัน เท็นโชวอิน มันจะหนาวนะ ถ้าเกิดพระอาทิตย์ตกเมื่อไหร่ เพราะงั้นรีบกลับเข้าไปข้างในแล้วกัน นายยังต้องฟื้นตัวอยู่นะ? ดูแลตัวเองซะบ้างล่ะ



เอย์จิ : ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ นั่นก็จริง ในที่สุดผมก็ได้ออกมจากโรงพยาบาลแล้ว ในที่สุด... บางทีผมก็อาจจะไปเดินเล่นรอบๆ อีกซักหน่อยนะ


เจ้าหนูโรบินตายไปแล้ว จะไม่มีวันได้ยินเสียงร้องของเขาอีก แต่ว่าก็เป็นแค่ในอดีต และอาจจะเป็นซักวันนึงในอนาคต มันอาจจะยังหลงเหลือเสียงร้องที่ก้องกังวานนั่นอยู่


==========================================

จบไปแล้วนะคะ กับสตอรี่ Checkmate


อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ


เนื้อเรื่องเป็นไปตามที่เดากันไว้รึเปล่าคะ ฮาา


ส่วนตัวรู้สึกสตอรี่นี้เป็นพาร์ทที่ชอบที่สุดเลย ได้เห็นอารมณ์ของเลโอในหลายๆ มุม ได้เห็นว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง


แอบเสียดายที่เป็นพาร์ทที่แปลมาตั้งแต่ตอนที่หัดแปลแรกๆ ภาษาอาจจะได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในส่วนนี้ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ


ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงตอนจบนะคะ หวังว่า ครอบครัวอันสึตะในไทยจะใหญ่ขึ้นมาบ้าง


แล้วพบกันอีกค่า :3

4 ความคิดเห็น:

  1. เพิ่งกลับมาย้อนอ่าน
    ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านมากๆเลยค่ะ!
    ได้รู้อะไรเยอะเลย รู้สึกเอ็นดูและสงสารเลโอขึ้นมาเลย,, ไม่นึกว่าเอย์อิจิจะพูดเยอะขนาดนี้นะเนี่ยwww
    เป็นกำลังใจต่อไปให้ค่า!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่คอยติดตามมากๆ เลยนะคะ สตอรี่พาร์ทนี้หนักหน่วงเหลือเกิน แปลไปก็น้ำตาไหลตามไป T v T

      ยังไงในสตอรี่เรื่องต่อไป ก็ขอฝากไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่า

      ลบ
  2. ขอบคุณที่แปลจนจบครับ เนื้อเรื่องรอบนี้หนักจริงจัง TwT

    ตอบลบ
  3. อ่านานมากค่ะ เรียกได้เป็นนิยายเรื่องหนึ่งได้เลย ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ เข้าใจและรักทุกคนมากขึ้นเลยค่าา

    ตอบลบ