วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2561

Concerto - For Whom the Requiem Plays 3



Concerto 3


Location : ร้านคาเฟ่


เอย์จิ : รบกวนขอชาอีกถ้วยได้มั้ยครับ?


แล้วก็นี่ด้วย— “Salty Watermelon Parfait (มีเมล็ดเวทย์มนต์อยู่ข้างใน!)”



เคย์โตะ : อย่าสั่งอะไรแปลกๆ เลย เอย์จิ


ขอโทษนะครับ แค่ชาก็พอ


...ให้ตายสิ นายไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ อย่าตื่นเต้นเกินกว่าเหตุสิ


อากาศร้อนมันเผาพลังงานของนายมากนะ ถ้าเกิดเล่นมากเกินไปล่ะก็ นายได้เป็นลมจนเข้าโรงพยาบาลแน่



เอย์จิ : เอ๋~... ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่โรงพยาบาลอีกแล้วตลอดชีวิตนะ



เคย์โตะ : ถ้างั้นก็รู้จักพอซะบ้างเถอะ นายอาจจะรู้สึกว่าไม่เป็นไร แต่ความจริงแล้วสภาพร่างกายนายมันย่ำแย่มากนะ รู้จักพักผ่อนซะบ้าง


ถ้าเกิดนายยังทำตัวคิดว่าตัวเองแข็งแรงเหมือนกับคนอื่นๆ นายก็คงเป็นแค่ไอ้โง่เท่านั้นแหละ



เอย์จิ : เธอนี่ชอบพูดอะไรให้ยุ่งยากจังเลยน้า เคย์โตะ ทำไมถึงไม่พูดแค่ว่า [ฉันเป็นห่วง] ล่ะ?


ให้ตายสิ พวกเราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแค่สองคนนานแล้วนะ แถมเธอก็เอาแต่บ่นผมตลอดเลย


ผมจำได้แล้วล่ะ เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ดีใจนะเนี่ย ที่เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย



เคย์โตะ : นายเองก็เหมือนกันแหละน่า เอาแต่นั่งหยิ่งผยองอยู่บนบัลลังก์ของ fine เป็นประธานนักเรียนผู้สง่างาม แต่ว่า...


ไส้ในของนายก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย เจ้าเด็กเวร



เอย์จิ : อย่าพูดคำพูดแย่ๆ ระหว่างทานอาหารสิ เคย์โตะ


อ๊ะ เคย์โตะ ชิฟฟอนเค้กของเธอดูน่าอร่อยดีนะ ขอชิมหน่อยสิ ♪



เคย์โตะ : ถ้าเกิดนายคิดจะกินอะไรล่ะก็ เอาไว้หลังคอนเสิร์ตเถอะ


มันน่าจะจบก่อนเวลาอาหารกลางวันอยู่แล้ว


บวกกับขนาดกระเพาะนายถ้าเกิดกินมากๆ ตอนนี้ล่ะก็ มันได้กลับออกมาแน่



เอย์จิ : หืม? ออเคสตราที่เราจะไปดูมันเริ่มตอนบ่ายนี่นา?



เคย์โตะ : ตอนแรกฉันก็คิดว่ากำหนดการคร่าวๆ มันเป็นแบบนั้นนั่นแหละ เอย์จิ แต่ว่านั่นไม่ใชสิ่งที่นายอยากจะมาดูใช่มั้ยล่ะ


นายจะเรียกวงออเคสตรามาเล่นหน้าบ้านนายเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว


การที่นายมาถึงเมืองอื่นทั้งๆ อากาศร้อนขนาดนี้ แปลว่ามันต้องมีอย่างอื่นที่นายอยากมาดูใช่มั้ยล่ะ?



เอย์จิ : เธอนี่เหมาะกับการเป็นนักสืบจริงๆ เลยน้า เคย์โตะ งั้นผมก็คงเหมือนวัตสันงั้นสินะ?



เคย์โตะ : ขอโทษวัตสันมาเดี๋ยวนี้ อย่างนายเป็นได้แค่มอเรียตี้ที่ตายในช่องเขาเท่านั้นแหละ



เอย์จิ : สงสัยผมจะใช้คำผิดไปหน่อย


เธอนี่ชอบตัวละครที่มีจิตใจงดงามที่อยู่ได้แค่ในนิยายเสมอเลยนะ


ความดีและความชั่วมันเป็นของที่อยู่คู่กันอยู่แล้วล่ะ ถ่าเกิดทุกคนในโลกนี้เป็นซูเปอร์แมน ลุงร้านซ่อมจักรยานก็คงเป็รฮีโร่ที่แท้จริงแน่ๆ



เคย์โตะ : มอนตี้ ไพธอนงั้นเหรอ... นายพยายามเปลี่ยนเรื่องรึไง เอย์จิ



เอย์จิ : โอ๊ะ รู้นี่นา หลอกเธอยากจังเลย


ช่างมันเถอะ ผมจะสำนึกผิดต่อโฮล์มอย่างที่เธอบอกนะ สาเหตุจริงๆ ที่ผมตั้งใจมาดูคอนเสิร์ตเล็กๆ ที่จะจัดในตอนเช้าน่ะ


แต่ที่จริงแล้วผมก็วางแผนว่าจะดูของตอนบ่ายด้วยนะ


มันถูกจัดขึ้นด้วยวงออเคสตราระดับโลก ที่มีประวัติอันยาวนาน ที่ควรมาดูซักครั้งให้ได้


และก็ยังเป็นคอนเสิร์ตที่ผมถูกขอร้องให้มาในนามของตัวแทนตระกูลเท็นโชวอินด้วยล่ะ


แต่ก็ต้องขอขอบคุณตั๋วคอนเสิร์ตที่ผมได้มานะ ผมจะเข้าออกฮอลล์เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะงั้น...


ผมก็เลยคิดว่าจะมาดูคอนเสิร์ตตอนเช้าด้วย้หมือนกัน แถมดูเหมือนว่า มิเคจิมะ มาดาระคุง จาก MaM เองก็มาแสดงด้วยเหมือนกันนะ


บวกกับคอนเน็คชั่นแล้วก็นิสัยของเขา เขาก็คงจะเชิญแขกที่น่าสนใจได้เหมือนกัน


เด็กคนนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของผมเลยล่ะ เป็นสัตว์ประหลาดที่ผมฆ่าไม่ได้ ผมอยากจะทำลายความเป็นมนุษย์เขาทิ้งซะ แบบนั้นพวกเรารับมือกับปัญหาที่เขาสร้างได้ทุกเมื่อ



เคย์โตะ : ฉันว่าเราควรไม่ไปยุ่งกับมิเคจิมะดีกว่า เพราะเขาพึ่งพาแค่ตัวเองคนเดียวเท่านั้น


การที่นายคิดจะฆ่าเขาโดยการเล็งไปที่จุดอ่อนของเขามันทำอะไรไม่ได้หรอก เขาเป็นปีศาจเก่าแก่ ที่ไม่มีใครสามารถแตะต้องได้



เอย์จิ : เธอก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าเธอกำลังพูดอะไรออกมา ผมคนเดียวไม่สามารถทำอะไรเขาได้หรอก



เคย์โตะ : เขาเป็นคนที่อยู่เหนือความเข้าใจของนายนะ เด็กๆ ไม่มีวันเข้าใจผู้ใหญ่หรอกน่า



เอย์จิ : ก็นะ ตราบใดที่เขาไม่เข้ามายุ่มย่ามกับผม ผมก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับเขาหรอก แต่ว่า...


เขาเป็นคนที่แปลกออกมา มันน่าประหลาดใจนะ— เหมือนกับการมองหอยที่สามารถระเบิดเปลือกของมันออกมาได้ทุกเมื่


[MaM] เป็น [โซโล่ยูนิต] เพียงหนึ่งเดียวในยูเมะโนะซากิ


เพราะว่ากิจกรรมส่วนมากของเขาเกิดขึ้นนอกโรงเรียน— โดยเฉพาะต่างประเทศ— เพราะงั้นเขาเลยไม่ค่อยได้มาแสดงในดรีมเฟส และ


เขาชอบวางตัวอยู่เหนือกฎเกณฑ์ และกฎที่พวกเราสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก ใช่แล้ว เขาแข็งแกร่งจริงๆ


ผมรู้สึกว่ามันอันตรายมาก ที่จะปล่อยเขาเอาไว้คนเดียว แม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็เถอะ


แต่ว่าอย่างแรกเลยนะ อะไรคือ [โซโล่ยูนิต] กันแน่? มันฟังดูย้อนแย้งยังไงอยู่นะ


เพียงแค่มิเคจิมะคุง— แค่ [MaM]— เป็นสิ่งเดียวทุกเป็นข้อยกเว้น


เคย์โตะ ก่อนที่ผมจะรู้สึก เธอก็รับเจ้าสิ่งแปลกปลอมนั่นเอาไว้แล้ว...


แล้วในตอนนี้พวกเราก็กำจัดเจ้า [โซโล่ยูนิต] นั่นออกไปได้อีกแล้ว


เอาเถอะ แต่ว่าผมจะปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน เพราะว่าซักวันนึง มันก็จะกลับเข้ามาอยู่ในกำมือของผม เหมือนกับ [ยูนิตชั่วคราว] อยู่ดี


นั่นแหละนะ ไม่มีปัญหาอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายหรอก



เคย์โตะ : ถ้านายว่างั้นล่ะก็ ขอโทษที่ฉันทำอะไรไปโดยพลการก็แล้วกัน


เขาเคยช่วยฉันเอาไว้ครั้งนึง... เพื่อเป็นการตอบแทน ฉันไม่สามารถปฏิเสธ [โซโล่ยูนิต] ของเขาได้หรอกนะ


แต่เพราะแบบนั้น ฉันก็เลยกันมิเคจิมะออกจากหนึ่งใน [โกะคิจิน] ชินไค คานาตะได้


ถ้าเกิดฉันปล่อยมิเคจิมะไว้คนเดียวตรงนั้นล่ะก็ ทุกอย่างมันก็คงจบลงตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ



เอย์จิ : ฮึฮึ เธอใช้วิธีที่รวดเร็วเสมอเลยนะ แต่ว่าแบบนั้นมันก็ออกจะฝืนไปหน่อย ในตอนนี้พวกเราก็เลยได้เจอปัญหาหลังจากปัญหาขึ้นมาอีกที


ผมดีใจที่มันไม่ได้จบลงกลางทางนะ มันเป็นเรื่องแย่ๆ ที่จบลงในพริบตาเดียว


ยังไงก็แล้วแต่ ผมก็ยังเป็นเพียงคนเดียวที่คอยเชียร์ไม่ให้เธอยอมแพ้ แล้วก็เขียนเรื่องราวนี้ไปจนถึงตอนจบอยู่ดี



เคย์โตะ : ฉันไม่ต้องการเสียงเชียร์จากนายหรอกนะ ยังไงเราก็เป็นคู่หูอาชญากรอยู่แล้ว มันก็เป็นแค่การประจบของนายเท่านั้นแหละน่า


================================
ในที่สุดบทที่สามก็แปลเสร็จแล้วค่ะ

จริงๆ บางทีก็อยากจะหาสตอรี่พาร์ทที่มรีบทดีๆ ให้เอย์จิบ้างนะคะ รู้สึกอ่านมากี่บทๆ ก็ดูเป็นตัวร้ายทั้งนั้นเลย...

อีเว้นท์ต่อไปมีอีเว้นท์ไหนที่อยากอ่าน สามารถแจ้งกันได้นะคะ แปลมั้ยนี่อีกเรื่อง 5555

การที่มานั่งแปลใหม่ตั้งแต่หนึ่งมันเหนื่อยจริงๆ นะคะ

แต่ก็จะพยายามมาอัพประจำไม่ให้ขาดค่ะ

บทที่สี่ไม่มั่นใจว่าจะเสร็จภายในตอนไหน แต่จะพยายามรีบแปลมาให้ตอนที่มีเวลานะคะ

ฝากติดตามกันด้วยค่า

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

Concerto - For Whom the Requiem Plays 2



Concerto 2


Location : ย่านการค้า เมืองใกล้เคียง


เลโอ : (อ๊า~ ตกใจสุดๆ เลยนะเนี่ย


โน้ตมันหายไปหมดเลย เพราะว่าเจอกับเคย์โตะแท้ๆ...


บ้าจริง ผลงานชิ้นเอกของฉันหายไปแล้ว บอกมาเลยนะ ว่าเขาจะรับผิดชอบยังไง?


ไม่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของเคย์โตะ เพราะว่าฉันไม่ระวังเองด้วยแหละ เดินไปเดินมาไม่ระวังตัว เพราะคิดว่าจะไม่เจอใครที่รู้จักในเมืองข้างๆ แบบนี้


เอาเถอะ ถึงจะอยู่ในเมืองใกล้ๆ แบบนี้ แต่ก็ยังใกล้กับยูเมะโนะซากิอยู่ดี มันไม่ได้ไกลเหมือนต่างประเทศซักหน่อย...


ฉันคงอยู่ใกล้กับที่อยู่ของพวกนักเรียนสินะ


ฉันต้องเจอใครซักคนอีกแน่ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แต่อย่างน้อยฉันก็ควรคิดว่า ยังดีที่คนที่เจอไม่ใช่เซนะ


ฉันไม่รู้เลยจะมองหน้าเขายังไงตอนนี้


...ที่จริงแล้วเขาควรจะเป็นคนเดียวที่ฉันเล่าทุกอย่างให้ฟัง แต่ว่า... ต่อให้ไม่มีฉันก็ไม่เป็นไรหรอก


บางทีฉันก็ได้ยินเพลงเก่าๆ ของพวกเราดังออกมาจากในเมืองเหมือนกัน ได้ยินเสียงของเขาด้วย


ผสมไปกับเสียงของนารุและริทสึ และ... เสียงของใครบางคนที่ฉันไม่รู้จัก


ไม่เหมือนกับดวงตา ไม่มีใครสามารถห้ามการรับรู้ของหูได้ อาจจะทำได้แค่ปิดมัน แต่ว่าฉันทำไม่ได้หรอก นายยังคงพยายามทำมันยังเต็มที่ในฐานะของไอดอลใช่มั้ยล่ะ เซนะ


ภายในชื่อไหนงั้นเหรอ? ยังคงเป็น [Knights] อยู่ แม้ว่า [ราชา] จะตายไปแล้วรึเปล่า?)



มาดาระ : ♪~♪~♪



เลโอ : หืม?


หวา หม่าม๊า! มิเคจิ หม่าม๊า~! ฉันเอง เลโอ ว่าไง~ ☆



มาดาระ : ...? โอ้ เลโอซัง! ฉันรอนายอยู่เลย! ดูสบายดีนี่นา!


มานี่ มานี่ มานี่เร็ว! ฉันดีใจที่ได้เจอนายมากเลยนะ! ให้หม่าม๊ากอดหน่อยเร็ว!



เลโอ : ไม่ได้ หม่าม๊า ตอนนี้นายกำลังเล่นเชลโล่อยู่ นายมากอดฉันได้ที่ไหนล่ะ


แล้วทำไมนายถึงได้มาเล่นอยู่ข้างถนนแบบนี้ล่ะ เล่นดนตรีเปิดหมวกเหรอ?


มาดาระ : เปล่าหรอก ฉันคิดว่าฉันจะจับตัวเลโอซังได้ถ้าเกิดเล่นดนตรีน่ะ แถมมันดีกับการซ้อมคอนเสิร์ตด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย ว่ามั้ย?


ฉันขออนุญาตแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก!



เลโอ : นายนี่เก่งเรื่องวางแผนอะไรแบบนี้จริงๆ นะ หม่าม๊า... จะว่ายังไงดีล่ะบ้าบิ่น แต่ก็ละเอียดอ่อน



มาดาระ : เชื่อสัญชาตญาณก็คงจะดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ แถมยังไม่ยุ่งยากด้วยนะ จริงมั้ย


ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าเกิดทำผิดกฎล่ะก็ ชีวิตก็ไม่ปลอดภัยแน่นอน


เลโอ : อ๊ะ~ แล้วก็นะ หม่าม๊า เดี๋ยวนี้นายยังบินไปหลายๆ ประเทศอยู่รึเปล่า



มาดาระ : ไม่แล้วล่ะ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฉันก็กลับลงมาในฐานะของ [MaM]...


แล้วนี่นายเองก็ไปอยู่ประเทศอื่นมาตลอดเลยเหรอ เลโอซัง?


ฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนายบ่อยเลยล่ะ ดูเหมือนว่านายจะใช้นามปากกาอยู่สินะ แต่ว่าแค่ฟังก็รู้แล้วล่ะ ว่าเพลงไหนเป็นเพลงที่นายแต่ง


ดูเหมือนว่าจะกำลังไปได้ด้วยดีเลยนะ ในฐานะของเพื่อนที่มาจากที่เดียวกัน ฉันภูมิใจในตัวนายนะ


ฉันเรียกนายมาที่นี่ เพราะได้ยินว่านายกลับมาที่ญี่ปุ่น แล้วก็อยาดเจอนายด้วย ฉันดีใจที่นายรับสายนะ เลโอซัง! เด็กดี เด็กดี



เลโอ : หื~... ฉันติดหนี้นายครั้งนึงนะ หม่าม๊า นายจะเล่นคอนเสิร์ตใช่มั้ย?


ก็นั่นแหละ ไม่มีเหตุผลให้ฉันปฏิเสธนี่นา


...แล้วก็ อย่ามาลูบหัวฉันสิ กรรรรร!


หม่าม๊า ทำไมชอบทำอย่างกับฉันเป็นเด็กเนี่ย!?



มาดาระ : ฮ่าฮ่าฮ่า โทษที โทษที ดูเหมือนฉันจะมีปัญหากับนิสัยของตัวเองน่ะ...


ฉันชอบคิดว่าพวกคนที่อ่อนแอกว่าดูเหมือนเดผ้ดหรือไม่ก็เต้าหู้น่ะ เลยพยายามจะดูแลดีๆ



เลโอ : นี่นายกำลังเรียกใครว่าเต้าหู้... พูดถึงถั่วเหลือง เมื่อกี้ฉันเห็นเคย์โตะล่ะ


หม่าม๊า อย่าบอกนะว่านายส่งตั๋วคอนเสิร์ตให้หมอนั่นด้วยน่ะ?


หยุดเลยนะ~ ไม่ใช่ว่าฉันบอกว่าไม่อยากเจอคนจากยูเมะโนะซากิเหรอ?



มาดาระ : ฮ่าฮ่าฮ่า รู้อะไรมั้ย ฉันเองก็เป็น [คนจากยูเมะโนะซากิ] เหมือนกันนะ


โลกมันเล็ก เลโอซัง ถ้าเกิดนายต้องการจะทำงานนักดนตรีต่อไปล่ะก็ นายหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก


ดนตรีน่ะ เป็นภาษาสากลอยู่แล้วล่ะ เหมือนกันกับบทสวดของพระเจ้านั่นแหละ


แต่ฉันก็จะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นน่ะนะ... จริงๆ แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญที่เคย์โตะซังมาอยู่แถวนี้แหละ


ดูเหมือนว่าจะมีวงดนตรีและวงออเคสตราหลายๆ วงมาร่วมแสดงด้วย แน่นอนว่าฉันเองก็เข้าร่วมในฐานะของ MaM


ถ้าเกิดเป้าหมายของเคย์โตะซังคือการไปที่ฮอลล์คอนเสิร์ต ฉันจะสงสัยมากกว่าว่าทำไมเขาถึงได้มาอยู่แถวนี้


คอนเสิร์ตที่ฉันมาร่วมนี่ดูเหมือนจะเป็นแนวที่เคย์โตะซังเกลียดแน่ๆ เลยล่ะ


ฉันรู้สึกได้เลยว่าเขาจะต้องโกรธ แล้วก็เข้ามาพูดว่า— [ผิดศีลธรรมสิ้นดี!] แน่ๆ



เลโอ : วะฮ่าฮ่า มันคงสนุกเหมือนกับคอนเสิร์ตจากนรกเลยล่ะ เพลงสวดศพและมาร์ชงานศพที่ถูกเก็บรวบรวมมาจากทั่วโลกใช่มั้ยล่ะ?


ไม่เข้าใจเลยฉันชอบมาก!


เท็นชิเองก็คงชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน


มาดาระ : เท็นชิ?* นางฟ้าเหรอ? อ้อ นายคงกำลังหมายถึงเอย์จิซังอยู่สินะ ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะค่อยๆ ร่าเริงแล้วก็สนุกขึ้เรื่อยๆ เลยล่ะ


อย่าปลอยให้เขาชนะนายได้อีกล่ะ เลโอซัง


เลโอ : นี่ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ไอดอลอีกต่อไปแล้ว...


ที่สำคัญ หม่าม๊าถึงจะช้าไปหน่อยที่จะถามก็เถอะ แต่ว่าการที่เรามานั่งคุยกันแบบนี้มันจะดีเหรอ ผู้ชมหายไปหมดแล้วนะ



มาดาระ : หวา หยุดไปกลางคันแบบนี้คงไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ คนหายไปหมดเลย... ฉันคิดว่าฉันคงต้องเล่นต่อจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องไปแล้วล่ะ


เลโอซัง ถ้าเกิดนายอยากล่ะก็ ร้องไปด้วยกันนะ!


ฉันไม่บังคับหรอก แต่ว่า! มนุษย์เองก็เป็นเครื่องดนตรีเช่นกัน ยิ่งมีมากเท่าไหร่ เพลงก็จะมีสีสันขึ้นเท่านั้น!


ทุกครั้งที่มีดนตรีชนิดใหม่ มันก็จะยิ่งงดงามขึ้นเท่านั้น!




ฉันอยากให้นายช่วยด้วยนะ ผู้ชมจะต้องชอบใจเอามากแน่ๆ... เลโอซัง


=======================

มาต่อกันที่บทที่สองนะคะ


อย่างที่เราแจ้งไปในทวิตค่า ว่าไฟล์หายหมดเลย เพราะงั้นอาจจะมีดองบ้างนะคะ ฮือ..


เพราะว่าช่วงนี้งานเยอะมากๆ เลย เลยอาจจะลงถี่ๆ ไม่ได้ ตอนสต๊อคก็หายไปหมดแล้ว ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ;-;

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

Concerto - For Whom the Requiem Plays 1



Concerto 1

Location: ย่านการค้า เมืองใกล้เคียง


เคย์โตะ : (เอย์จิยังไม่มาอีก

ฉันคิดว่าฉันควรไปรับเขาที่บ้านมากกว่ามานัดเจอกันตรงนี้

แต่ว่าพวกเราเองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเด็กๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เขาจะโกรธถ้าเกิดฉันพยายามที่จะดูแลเขา เพราะว่าเขาคงทิ้งแผนของเขาไว้ข้างหลังไม่ได้แล้ว

ฉันเองก็พยายามจะหลบจากพวกคนใช้ของเอย์จิแล้ว มันคงไม่แปลกถ้าเกิดพวกนั้นจะคิดว่าฉันจะเกี่ยวดองกับพวกปีศาจที่คิดจะยัดเยียดเรื่องไร้สาระให้กับทายาทคนต่อไปกับตระกูลเท็นโชวอิน— ทายาทคนที่ควรจะถูกปกป้องเอาไว้

แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ระหว่างที่เขาเดินมาก็คงจะรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย

นี่มันเริ่มจะร้อนแล้วนะ มันเป็นไปได้ว่าจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะช็อคเพราะอากาศร้อย

...ตอนนี้เพิ่งเลยเวลานัดมาแค่ 15 นาที ฉันควรจะใจเย็นกว่านี้ แล้วก็ไม่กังวลมากจนเกินไป

แต่ฉันจะส่งข้อความหาเขาซักหน่อย ประมาณว่า "เอย์จิ อยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้ฉันอยู่ตรงที่นัดแล้วนะอะไรแบบนี้...)

(Harpsichord of the Moonlit Night) Leo Tsukinaga CG
เลโอ : ~...


เคย์โตะ : !? ทสึกินากะ!


เลโอ : หือโอ๊ะ อื๋อ... ฉันจำแว่นอันนี้ได้ เคย์โตะล่ะ!


เคย์โตะ : อย่ามาจำฉันด้วยแว่นนะ นายยังมีชีวิตอยู่สินะ แล้วนี่มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?


เลโอ : หืม อื๋อ~? นายมาทำอะไรที่นี่เหรอฉันอุตส่าห์คิดว่าฉันจะไม่เจอคนที่จะรู้จักในเมืองใกล้ๆ แล้วนะเนี่ย!


เคย์โตะ : หืม นี่เป็นวันพักผ่อนของพวกเรา เราทั้งคู่จะทำอะไรก็ได้ที่พวกเราอยากจะทำที่ไหนก็ได้

แต่นาย— นายไม่ได้โผล่หน้ามาที่ห้องเรียนเลยแม้ว่าจะหมดช่วงพักการเรียนของนายไปแล้ว... นายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ทุกคนกำลังเป็นห่วงเรื่องของนายนะ

นายคงไม่ได้วางแผนว่าจะลาออกจากโรงเรียนใช่มั้ยถ้าเกิดเป็นแบบนั้นล่ะก็ ช่วยทำตามขั้นตอนแล้วก็ทำให้มันเป็นรูปธรรมหน่อยเถอะ

อย่ามาหายไปปุบปับแบบนี้ เจ้าคนไม่มีระเบียบ


เลโอ : อึ่ก~... พวกเราเพิ่งเจอหน้ากันเองนะ แล้วนายก็พูดเรื่องอะไรออกมาตั้งหลายเรื่อง!

ก็ใช่แหละ ใช่แล้ว เคย์โตะชอบเป็นแบบนี้ประจำเลยทำให้นึกถึงเรื่องเก่าๆ เลยนะเนี่ย!

แต่ว่าตอนนี้ ความทรงจำพวกนั้นมันเจ็บปวดมันทิ่มแทงลงมาในใจของฉัน!

อ๊าา ฉันปวดหัวรู้สึกเหมือนว่าฉันกำลังจะนึกเรื่องราวทุกอย่างออกเลยฉันกลับบ้านล่ะ!


เคย์โตะ : อ๊ะ... เฮ้ เดี๋ยวก่อน ทสึกินากะ อย่าวิ่งหนีสิฉันมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะพูดกับนายนะ!

(...อึ่ก เขาไปซะแล้ว นี่มันไม่ดีเลย ฉันทำตัวจุกจิกใส่คนอื่นมากเกินไปแล้ว

เขาทั้งเจ็บปวดแล้วก็เหนื่อย ฉันคงทำให้เขากลัวสินะ

แต่ฉันก็แค่กังวลว่าเขาเป็นอยู่ดีรึเปล่า ไม่สำคัญว่าฉันจะพูดออกไปยังไง ฉันก็ไม่สามารถจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปได้ซักที)


เอย์จิ : ขอบคุณที่รอนะ เคย์โตะ

...เป็นอะไรไปเหรอสีหน้าเธอดูไม่ดูไม่ดีเลยนะ อย่างกับว่าเห็นผีแน่ะ

หรือว่าจะเป็นไข้ฤดูร้อนเหรอเธอมีนิสัยแย่ๆ ที่ชอบปล่อยปะละเลยตัวเอง แต่ว่าดันชอบคอยจุกจิกกับชาวบ้านไปทุกเรื่องอยู่นะ

ถ้าเกิดเธอยังเป็นแบบนี้ล่ะก็ ได้ตายก่อนผมแน่ๆ เลย


เคย์โตะ : ...เอย์จิ นายก็เหมือนกันแหละ นายมีอะไรที่ต้องพูดเยอะเลยนี่


เอย์จิ : เธอก็พูดแบบนี้มาตลอดทั้งปีนั่นแหละน่ามันก็พวกเราทั้งสองคนนั่นแหละ ผมยอมแพ้เธอเลยในส่วนนั้นน่ะ เคย์โตะ

แต่ว่าที่เธอบอกว่า "นายก็เหมือนกันแหละเนี่ย หมายความว่าไงเหรอเธอพยายามจะสื่ออะไรมันทำให้ผมรำคาญนะ

มันเกิดเรื่องตลกอะไรขึ้นระหว่างที่ผมกำลังมาที่นี่รึไง?


เคย์โตะ : ไม่ได้ปิดบังอะไรหรอก แค่หูของฉันเหมือนจะได้ยินเสียงสะท้อนจากในอดีตขึ้นมาซักพักแล้วล่ะ

แต่อากาศมันชักจะร้อนเกินไปแล้ว สงสัยมันจะเป็นภาพลวงตาหรืออะไรแบบนั้นซะมากกว่า


เอย์จิ : ผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่... เธอดูจะแปลกๆ ไปนะ เคย์โตะ

ผมขอโทษที่ดึงดันจะให้เธอมาด้วยแล้วกันนะ


เคย์โตะ : เป็นอะไรไปไม่เหมือนนายเลยนะ เอย์จิ ทำไมถึงได้มากังวลเรื่องของฉันล่ะโดนอะไรกระแทกหัวรึเปล่า?


เอย์จิ : หยาบคายจริง อย่างน้อยในตอนที่ผมได้อยู่กับเธอ ผมก็ขอถอดหน้ากากของ "จักรพรรดิออกหน่อยเถอะ

ถ้าเกิดผมมัวแต่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยความหยิ่งยโสตลอดทั้งวัน ผมคิดว่ามันคงจะทำร้ายตัวผมเองมากกว่า

บางครั้งผมก็อยากจะใช้ชีวิตประจำวันแบบที่เด็กมัธยมปลายเป็นกันบ้างแหละน่า


เคย์โตะ : มันทำให้ฉันดีใจนะ ถ้าเกิดนายรู้สึกว่ามันง่ายที่จะคิดแบบนั้นน่ะ

คนที่พวกเราเคยทำลายไปคงจะรู้สึกไม่พอใจ ที่ยังคงเห็นพวกเราใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและสงบสุข

มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไปด้วยกันได้ หากพวกเราเอาแต่สงสารศัตรูทุกคน ต้นหญ้าหรือแมลงที่พวกเราเหยียบย่ำทำลายด้วยเท้าของพวกเรา แต่มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกหนักใจอยู่แหละนะ


เอย์จิ : ฮึฮึ เธอจำได้รึเปล่าล่ะ ว่าตลอดชีวิตของเธอน่ะ ทานขนมปังไปทั้งหมดกี่แผ่นแล้ว เคย์โตะ?


เคย์โตะ : นายควรจะเลิกพูดจาตามหนังหรือการ์ตูนได้แล้วนะ


เอย์จิ : ผมใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบเล็กๆ เองนี่นา ผมต้องอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดมาเสมอ เพราะว่าอาการป่วยของผม


เคย์โตะ : ฮึฮึ นายเข้าใจไวดีนี่ สิ่งที่ฉันพยายามจะสื่อน่ะ เพราะงั้น การคุยกับนายมันก็เลยง่าย

แต่สำหรับคนที่ฟังพวกเราคุยกันคงรู้สึกว่าบทสนทนาของพวกเรามีแต่คำอุปมาอุปไมยจนมันดูกำกวมล่ะนะ


เอย์จิ : เป็นอะไรไป เธอดูจะจริงใจมากขึ้นนะ... พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กนะ นี่คือสิ่งที่เธอจะเรียกว่าเป็นความสมบูรณ์แบบ
เหรอ

ยังไงก็เถอะ มันยังพอมีเวลาก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มใช่มั้ย อยากจะไปฆ่าเวลาที่ไหนซักหน่อยรึเปล่า?

ไปที่อาร์เคดกันมั้ย ห้างด้วย 


เคย์โตะ : นายจะใช้แรงมากเกินไปก่อนจะถึงเวลาถ้าเอาแต่เล่นซนตอนนี้นะ...

เอย์จิ ไปที่คาเฟ่ หรืออะไรแบบนี้ดีกว่า

(แถมมันยังมีโอกาสที่พวกเราจะเจอกับ
ทสึกินากะอีก ถ้าเกิดพวกเราเดินเที่ยวแถวนี้ไปทั่ว

ทั้งหมอนั่นและเอย์จิมองหน้ากันไม่ติดอีกแล้ว มันคงจะดีกว่าถ้าเกิดพวกเราไปอยู่ที่ไหนซักที่โดยไม่ออกไปไหน)

==================
กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ กับสตอรี่พาร์ท Concerto จริงๆ เป็นเนื้อเรื่องอีกพาร์ทนึงที่ชอบมากเลยค่ะ เป็นไทม์ไลน์ช่วงก่อนที่เลโอจะกลับมาเรียนอีกครั้ง

จำได้ว่าก่อนที่กาชานี้จะเข้า โดนแฮปปี้เอเลหลอกจนตายใจจริงๆ ไม่ได้เก็บเพชรเอาไว้เปิดกาชาเลย 5555 กว่าจะได้การ์ดใบนี้ก็ล่อไปเป็นปีแล้วค่ะ แต่สุดท้ายก็ยังพยายามเปิดจนได้...

ยังไงก็ขอให้สนุกกับสตอรี่นี้นะคะ

ช่วงนี้ฝนตก อากาศเปลี่ยน คนแปลก็ป่วย

ทุกคนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ 5555

ฝากติดตามทวิตเตอร์ตามอัพเดตข่าวสารกันด้วยค่า