วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Concerto - For Whom the Requiem Plays 5



Concerto 5
Location : ฮอลล์คอนเสิร์ต

เอย์จิ : ฮึฮึ ตื่นเต้นเนอะ เคย์โตะ?

คอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยบทเพลงความตาย แล้วก็เพลงงานศพจากรอบโลก สุดยอดไปเลย

ถ้าวิญญาณของผมถูกชำระล้างแล้วโดนส่งไปสวรรค์ มันก็คงไม่เหลือภาระอะไรให้เธอแล้วล่ะ เคย์โตะ


เคย์โตะ : ...ฉันว่านายก็คงจะรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ว่าส่วนมากงานศพน่ะ จะนำพาความสงบสุขมาให้กับคนที่ยังอยู่มากกว่าคนที่ตายไปแล้วนะ

เพราะเขาจะต้องรับมือกับความสูญเสีย และเอาชนะโศกนาฏกรรมที่เรียกว่าความตาย


เอย์จิ : เธอพยายามจะบอกว่าไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือดนตรี ก็ไม่สามารถส่งไปจนถึงโลกแห่งความตายได้อย่างนั้นเหรอ?

ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นล่ะก็ การมานั่งฟังอะไรแบบนี้นี่มันเสียเวลาชะมัด ผมไม่อยากจะฟังเพลงที่สงบสุขเพื่อยอมรับความตายของตัวเองหรอกนะ


เคย์โตะ : ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ ที่จะตัดสินว่าความเป็นความตายของตัวเองจะเป็นยังไง ความตายน่ะ เป็นปริศนา มันคือสิ่งที่น่ากลัว

จากที่ฉันเคยสังเกตมาจากการตายและงานศพต่างๆ ของคนอื่น คนน่ะ ทำได้แค่เตรียมตัวสำหรับความตายที่กำลังจะเข้ามาถึงเท่านั้นแหละ

เขาจดพินัยกรรมเอาไว้ว่าหลังจากที่ตัวเองตายไปแล้ว อยากให้ช่วยทำอะไรยังไง แล้วก็เขียนประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำได้ในงานศพ

--นั่นคงเป็นสิ่งที่ฉันพูดตอนที่ตัวเองยังเป็นเด็ก ฉันมันก็แค่เด็กอวดดีไร้ยางอาย ที่พยายามจะท้าทายพ่อแม่และพี่ชายของฉันด้วยการหาความขัดแย้งในทฤษฎี


เอย์จิ : เธอพยายามทำตัวแบบอิคคิวซังอยู่งั้นเหรอ? วิ่งไปมาถือกิ่งไม้กับหัวกะโหลกกระดาษไปๆ มาๆ

ฮึฮึฮึ ตอนนั้นนี่มันน่ารักมากเลยเนอะ

เธอพูดว่ามันเป็นเรื่องตอนที่เธอยังเด้ก เพราะงั้นก็แปลว่าตอนนี้เธอมองทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วสินะ


เคย์โตะ : ...ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันทำตอนเด็กๆ มันจะทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นมา แต่มันก็สร้างความกลัวให้ฉันเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน

แล้วฉันก็ได้ค้นพบความแตกต่างของความผิดและความถูกต้องด้วยการเปรียบเทียบจากความแตกต่าง ฉันก็เลยได้ค้นพบความจริง

หรือบางทีฉันก็ได้เรียนรู้คำตอบที่ถูกต้องจากใครบางคนที่เก่งกว่าฉัน แล้วฉันก็เลยได้รู้อะไรใหม่ๆ มากขึ้น

แต่ตราบใดที่มนุษย์เรายังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีใครมีวันที่จะมีความสงบอยู่ในใจหรอก ทำได้เพียงแค่คิดต่อไปเรื่อยๆ มันสร้างแต่ปัญหา การใช้ชีวิตก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความทรมาณเช่นกัน

ฉันเลือกที่จะทำใจแล้วเผชิญหน้ากับความจริง ดีกว่ามัวแต่มาคิดมาก มันไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้ง่ายๆ หรอก และแน่นอนว่านายไม่มีวันจะขอร้องอ้อนวอนให้ความตายช่วยสอนได้เช่นกัน


เอย์จิ : ถ้าเกิดผมตายก่อนเธออย่างที่เธอบอก ผมจะไปเข้าฝันเธอ แล้วก็ยัดเยียดแผนทุกอย่างที่ผมคิดไว้ให้ ทั้งเรื่องจริงและไม่จริง จะยัดลงไปในหัวเธอให้หมดเลย


เคย์โตะ : ฟังแล้วน่ารำคาญชะมัด งั้นฉันก็จะเตรียมไล่ผีอย่างนายออกไปให้ไวที่สุดเลยล่ะ


มาดาระ : ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูเหมือนพวกนายกำลังคุยเรื่องยากๆ กันอยู่สินะ!

สุดยอดไปเลย! คุยเรื่องไร้สาระให้จริงจังเองก็เป็นสีสันของวัยรุ่นนี่นา!


เคย์โตะ : ...มิเคจิมะ ไม่ใช่ว่านายกำลังจะเล่นตคอนเสิร์ตที่นี่เหรอ? ทำไมนายมาอยู่ตรงที่นั่งผู้ชมได้เนี่ย?


เอย์จิ : ว่าไง มิเคจิมะคุง นอกจากเธอจะร่าเริงแล้วยังทำตัวยิ่งใหญ่ เธอยังชอบโผล่ออกมาจากจุดที่คนอื่นมองไม่เห็นอีกด้วยนะเนี่ย

แต่ว่าช่วยหยุดทำแบบนี้จะได้มั้ย มันจะทำให้หัวใจผมวายเอานะ


มาดาระ : ขอโทษที! ก็นะ ตอนที่ฉันเด็กๆ ผู้คนมักจะชอบเรียนฉันว่ามิเคะคุง​* ฟังดูเหมือนชื่อแมวเลย ว่ามั้ย! ฉันก็เลยหัดเคลื่อนไหวแบบแมวยังไงล่ะ!

แมวมักจะไปท่ีเป้าหมายของมันโดยไม่ส่งเสียงให้ใครรับรู้ แล้วก็โจมตีโดยที่ไม่ทันระวังตัว

มันก็เหมือนกับความตายยังไงล่ะ เอาแล้วสิ ฉันเข้าไปร่วมในบทสนทนาของพวกนายซะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!


เอย์จิ : ...เธอนี่มันร่าเริงจริงๆ แถมยังดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นอีกต่างหาก ทำให้พวกเราไปสนใจเรื่องอื่นด้วยหัวข้อที่ดูน่าสนใจ

เธอควรจะตอบในสิ่งที่ถูกถามมาดีๆ นะ


มาดาระ : ไม่ใช่ว่ามันเป็นหนึ่งในทริคที่พวกนายสองคนชอบใช้เสมอรึไง? พวกเราไม่ได้พูดถึงโจทย์คณิตศาสตร์กันซะหน่อย มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะได้บทสนทนาที่จริงใจและตรงไปตรงมาจากตอนนี้น่ะ

มาพูดเรื่องเกี่ยวกับตความจริงกันเถอะ ฉันมาที่นี่เพื่อสองเหตุผล

อย่างแรก! ฉันเอาน้ำมาเสิร์ฟให้พวกนาย! รับไปสิ เครื่องดื่มที่นี่ฟรีนะ


เคย์โตะ : อย่างกับคอนเสิร์ตร็อคเลย 

...อ๊ะ ไม่สิ ฉันไม่ค่อยถูกกับดนตรีประเภทนั้นเท่าไหร่ ก็แค่บังเอิญรู้เท่านั้นแหละน่า


มาดาระ : ไม่ต้องแก้ตัวหรอกน่า! ฉันได้เรียนเรื่องพวกนี้จากเรย์ซังตอนที่ฉันไปช่วยงานเขาน่ะ...

รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น แล้วก็ Deadman 

ยังไงก็เถอะ พวกนายเป็นแขกคนสำคัญ เพราะงั้นฉํนอยากต้อนรับพวกนายมากๆ เลย! ฉันเตรียมเครื่องดื่มพวกนี้ด้วยตัวเองเลยนะ!

ดีทั้งต่อสุขภาพ แล้วก็อ่อนโยนต่อกระเพาะพวกนายด้วย!

พวกนายไปนั่งรอที่คาเฟ่ก่อนที่จะมาที่นี่ใช่มั้ยล่ะ?

กลิ่นเหมือนกับว่าพวกนายไปมาแน่ๆ น่ะ เพราะงั้นฉันก็เลยเตรียมเครื่องดื่มที่เหมาะกับลิ้นและท้องของพวกนายมา


เอย์จิ : ใจดีจริงๆ ในฐานะสมาชิกของชมรมน้ำชา ผมควรจะเชื่อฟังคำแนะนำของเธอสินะ

ไม่รู้ว่าเป็นเพรราะการดูแลของมที่บ้าน หรือว่าเป็นที่ตัวผมเอง แต่ผมก็ควรจะดูแลตัวเองก่อนจริงๆ


มาดาระ : ไม่หรอก สำหรับฉัน ฉันคิดว่าคนที่ไม่คิดถึงตัวเองเป็นอย่างแรกมันน่ารังเกียจที่สุด!

ไอดอลน่ะ ชอบคิดเสมอเลยว่า ความพอใจของคนดูคือทุกอย่าง แต่ว่า...

สำหรับเส้นทางของการใช้ชีวิตมันไม่ใช่ มันจะทำให้นายเสียความเป็นคนไปเลยล่ะ


เอย์จิ : ฉันเห็นด้วยกับเรื่องนั้นนะ

อา... เครื่องดื่มนี่มันเพอร์เฟค เหมาะกับพวกเราตอนนี้มากเลยล่ะ... ถ้าเกิดเป็นเธอล่ะก็ ทำงานอะไรก็สำเร็จแน่นอน แม้ว่าจะไม่ใช่งานของไอดอลก็ตาม


มาดาระ : ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันเข้าใจเลยล่ะ! แต่ฉันคิดว่าพวกของที่ได้รับมาง่ายๆ มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอกนะ เหมือนกับสมบัติที่หล่นอยู่ตามทางเดิน ไม่ค่อยมีคนเก็บมันไปหรอก​!

ฉันเก่งเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้วล่ะ ชีวิตของฉันเต็มไปด้วยคำว่าประสบความสำเร็จ เต็มไปด้วยชัยชนะ แต่ว่ามันน่าเบื่อนะ

เพราะงั้นหลังจากนี้เป้าหมายของฉันก็คือ การเป็รอะไรซักอย่างที่ฉันไม่มีวันเป็นได้! หรือจะพูดให้ถูก เป็นหม่าม๊ายังไงล่ะ!

ฉันก็เลยตั้งชื่อยูนิตว่า MaM

...พวกนายสองคนมาที่นี่เพื่อถามฉันเรื่องนี้ใช่มั้ยล่ะ?

========================================
ในที่สุดก็ได้อัพบทนี้ซักทีค่ะ ฮือ 555555

จริงๆ ที่บทนี้อัพช้า หลักๆ คือเพราะว่าพิมพ์ไว้ในคอม แล้วตัวไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ออกไปไหนมาไหนตลอด จนไม่มีเวลามานั่งพิมพ์ยาวๆ แต่วันนี้ได้หยุดครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์เลยเอาเวลามานั่งพิมพ์ก่อน งานที่เหลือค่อยว่ากัน

เหมือนกับที่แจ้งไปในทวิตค่ะ ว่าเนื้อเรื่องต่อจาก Concerto จะย้ายไป Valkyrie แล้วนะคะ

มาอ่าน Marionette กัน <3 <3

จุดประสงค์จริงๆ ก็คือ สเตจวัลคีรี่ใกล้มาแล้ว เลยอยากพยายามแปลให้ทันสเตจค่ะ ค่อก แค่ก 55555

ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ :3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น