วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Reminiscence * Monochrome Checkmate - Monologue


Checkmate monologue
Location: ที่นั่งริมสวน


อิซึมิ : ……


เอย์จิ : ฮึฮึ เมื่อเธอไม่สามารถหาทางแก้ปัญหาได้ อย่างร้อยที่สุดก็คือจะต้องเปลี่ยนสถานะของตนเอง

หลังจากที่คุยกับเธอ ผมก็นึกได้ ทั้งผมและเธอ ต่างก็เป็นคนมี่ใจแคบเหมือนกัน ผมคงเล่าให้เธอฟังได้นิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

พระเจ้าไม่ได้มอบพรสวรรค์ให้พวกเรา แต่พวกเราจะต้องยืนขึ้น เพื่อต่อสู้กับเหล่าอัจฉริยะที่น่ากลัว

ผมทั้งเห็นใจ และเป็นห่วง ผมเชื่อว่าพวกเราจะสามารถช่วยกันและกันได้

นี่คือสิ่งที่ผมคิดจากใจจริง เซนะคุง

ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้องกัน หวังว่าพวกเราจะเข้ากันได้ดีนะ


อิซึมิ : ...ช่วยเงียบๆ ซักพักได้มั้ย ฉันกำลังคิดตาเดินของตัวเองอยู่ เพราะงั้นช่วยอยู่เงียบๆ ทีสิ?

อะไร ตอนนี้ฉันกำลังพยายามคิดว่าจะออกจากสถานการณ์แบบนี้ยังไงอยู่ นายก็เลยพยายามพูดอะไรไร้สาระใช่มั้ย หืม?

เจ้าเล่ห์นี่ ใช่มั้ยล่ะ?


เอย์จิ : เธอจะคิดแบบนั้นก็ตามสบายเถอะ แต่จากที่เธอพูดแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเธอกำลังขุดหลุมฝังตัวเองหรอกเหรอ?

มันน่าเบื่อมากเลยแหละ ถ้าแมทช์มันอยู่ในช่วงที่ต้องนิ่งๆ แบบนี้น่ะนะ ผมควรจะตั้งเวลาไว้

ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เดิมพันอะไรไว้ใเกมนี้ แล้วพวกเราก็ไม่ได้เคร่งกฏหรืออะไรมากมาย แต่ว่า...

ผมก็ไม่อยากจะแพ้อยู่ดี ผมคงจะต้องคิดเกี่ยวกับเกมนี้ให้มากกว่านี้หน่อยแล้วล่ะ

ก็นะ ผมเป็นแค่มนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่ว่าผมจะสามารถทำนายอนาคตได้ซักหน่อย


อิซึมิ : ฉันบอกให้นายหุบปากไง


เอย์จิ : เสียงของผมมันก็เหมือนกับเสียงนกน้อยร้องอยู่แล้วนี่นา?

เหมือนกับที่เธอรู้... อีเว้นท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูเมะโนะซากิเคยรู้สึกแล้วนี่นา มันคือ DDD

เสียงหนวกหูรอบด้านจากผู้คน เสียงดนตรี และการซ้อมสำหรับการแสดง และเสียงฮัมเพลงของทุกคนจนเกิดความหนวกหู

ยิ่งกว่านั้น ถ้าเสียงของเธอไม่ดังพอ ก็จะคุยไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่มันก็ไม่เป็นไรแหละ เพราะว่าพวกเธอมีแรงเยอะนี่นา...

หมายความว่ามันมีค่ามาก ในช่วงต้นของ DDD และการสาดส่องไฟไปที่ตัวนดกเรียนทุกคนในโรงเรียน

มันเป็นเสียงกระวีกระวาดที่คงนึกภาพแทบไม่ออกมาเป็นปีๆ แล้วล่ะนะ

ในตอนนั้น Knights ก็เป็นส่วนนึงของ DDD ด้วยนี่นา?

มันโอเคสำหรับเซนะคุงผู้กำลังหัดรักที่จะไปฆ่าเวลาในที่แบบนั้นรึเปล่าล่ะมันดูไม่เหมือนเธอเลยนะ

เก็บบทสนทนานี้กันเถอะ ทั้งเรื่องที่พวกเราเถียงกันด้วย... ผมเชื่อว่าพวกเราอาจจะทำให้ดีที่สุด เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่ล้มเหลวล่ะนะ


อิซึมิ : ...อย่ายั่วโมโหฉัน บอกแล้วไง ว่าฉันคิดอยู่ ยังไงฉันก็ยังปล่อยเรื่อง DDD

Knights ในตอนนี้น่ะ เป็นแค่เปลือกว่างๆ ที่ไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้ในช่วงที่ยังเป็นยุคทอง

การที่จะไปยืนอยู่บนสเตจน่ะ มันคงจะน่าอาย แถมยังไม่น่าเชื่อถือ ใช่มั้ยล่ะ?

ถึงแม้จะรวมกับสมาชิกหน้าใหม่แล้ว พวกเราก็ยังมีกันอยู่แค่สี่คนอยู่ดีล่ะนะ?


เอย์จิ : อ๊ะ ใช่แล้ว จากตระกูลสึโอว สึคาสะคุงเข้ามาร่วมกับ Knights สินะ น่าสงสัยจริง ทำไมเขาถึงเลือกยูนิตนี้กันนะ

ยังไงก็เถอะ ถ้าผมจำไม่ผิด ไม่ใช่ว่า Knights มีกันห้าคนหรอกเหรอ?

เธอควรจะรวมทสึกินากะคุงเข้าไปด้วยนี่นา เพราะว่าในตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้ลาออกจากโรงเรียนไปไม่ใช่เหรอ?


อิซึมิ : ...เขาสู้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว


เอย์จิ : ผมก็คิดอย่างนั้นล่ะ แม้ว่าจะได้ไปเจอเขาแค่ครั้งเดียว แต่ผมก็รู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ล่ะนะ

นั่นไม่ใช่ทสึกินากะคุงที่ผมหลงรัก ถ้าจะพูดให้ถูก อัจฉริยะคนนั้นถูกทำลายลงจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ

น่าอับอายจริงๆ ยูนิตขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนส่วนมากของโรงเรียนอยู่...

Chess คือต้นกำเนิดของพวกเธอ— เป็นประวัติศาตร์อันบาวนาน ที่เข้าใกล้กับความตาย


อิซึมิ : นายพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น แล้วคิดว่าความผิดของเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นของใครกันล่?


เอย์จิ : เธอกำลังพยายามจะบอกว่ามันเป็นเพราะผมเหรอโหดร้ายจังนะ ในเมื่อเธอเป็นคนที่ไป และทำลายตัวเอง

แต่ก็นะ มันก็เป็นแบบที่ผมหวังเอาไว้ล่ะ

Knights... Chess ได้หลงลืมจุดประสงค์ และถูกกัดกิน ทำให้เน่าเฟะมาจากภายใน

มันเป็นรูปภาพที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตขยะๆ กับมรดกที่เก่าแก่ ประเพณีที่มีแต่ความคดโกง บางอย่างที่ขอร้องอ้อนวอนผมให้ทำลายมันไปจากยูเมะโนะซากิ มันไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าเกิดสิ่งของแบบนั้นจะถูกทำลายลงเพราะกาลเวลา

เหล่าผู้คนที่ถูกเรียกว่าอัศวิน ได้ถูกฝังและตายลงในความมืดของประวัติศาสตร์

สุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงแค่ตำนาน และชื่อที่ทิ้งเอาไว้... ซักวัน พวกเธอก็จะได้กลายเป็นแบบนี้เหมือนกัน...

ได้รับผลประโยชน์เพียงเพราะแค่ว่าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมัน แล้วก็คิดว่าตัวเองสำคัญสำหรับใครๆ...

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง เธอแค่ต้องการความสำราญและความขี้เกียจก็เท่านั้น

มันก็เหมือนกับน้ำอุ่น หนองที่จะแพร่กระจายให้ทุกอย่างในยูเมะโนะซากิเน่าเฟะตาม สถานที่ที่พวกขี้เกียจสันหลังยาวมาวิ่งเล่นกัน

นั่นแหละ คือสิ่งที่ Chess เป็น แน่นอนว่าสุดท้ายก็ตายลงเหมือนกับ Sodom และ Gomorra


อิซึมิ : พยายามจะบอกว่าตัวเองเป็นพระเจ้าของที่นี่อยู่รึไง?


เอย์จิ : ถ้าจะให้ถูก ผมเป็นนางฟ้า ทสึกินากะคเรียกผมแบบนั้น ผมคิดว่าล่ะนะ...

คอยเยียวยาวบาดแผล กำจัดความสกปรกและผิดพลาด ตัดสินคนบาป พาโลกไปสู่ยุคใหม่ มันคือบทบาทของผม เป็นหน้าที่ที่ผมแบกรับเอาไว้

และเพราะความคิดแบบนั้น ผมทำความผิดโง่ๆ สูญเสียเพื่อนพ้อง เสียความเป็นตนเอง มีเพียงแค่ความสับสน....

ผมชำระล้างตัวเองด้วยเลือด ย้อมปีกให้กลายเป็นสีดำ และตกลงมาจากสวรรค์


อิซึมิ : ต่อให้นายจะพยายามพูดให้เหมือนกับบทกวีมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับความรู้สึกของฉันต่อเลโอคุงเลยแม้แต่น้อย


เอย์จิ : ผมแค่อยากจะลองพูดมันดูน่ะ

เรื่องราวของอัศวินมักจะถูกแต่งขึ้นมาให้เหมือนกับบทกวีที่งดงามใช่มั้ยล่ะ 
เซนะคุง?

ถ้าเกิดเธอไม่ขยับตัวหมากล่ะก็ ผมจะเพิ่มความน่าตื่นเต้นโดยหารพูดเรื่องไร้สาระต่อไปเรื่อยๆ นะ

...เธอจะไม่รีบซักหน่อยเหรอ เซนะคุง?

พวกเราอยู่ปีสามแล้วนะ พวกเราไม่ทีเวลามากขนาดนั้นแล้ว โดยเฉพาะผม...

พระเจ้ามอบเกมที่แข่งขันกับเวลาให่กับพวกเรา— ผมก็อยากจะมอบความสำคัญให้มัน เพื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุดน่ะนะ

ถ้าเกิดพวกเราไม่ล่ะก็ ความพ่ายแพ้ที่น่าผิดหวังมันก็จะวนเวียนไปอย่างไม่จบไม่สิ้น

=========================

กลับมาที่ปัจจุบันนะคะ เป็นบทที่ปวดตับเหลือเกิน T v T

เอาจริงๆ เป็นเพราะสตอรี่นี้นี่แหละ ที่ทำให้เรารู้สึกชอบเซนะขึ้นมา 5555

สองคนนี้ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะจริงๆ ค่ะ T T อ่านแล้วก็สงสาร

เอย์จิอีสเดอะบอส-----

1 ความคิดเห็น:

  1. เกมนี้ปีสามเกือบทุกคน ความหลังปวดตับเกือบหมด TwT

    ตอบลบ