Location: ที่นั่งริมสวน
อิซึมิ : ……
เอย์จิ : ฮึฮึ เมื่อเธอไม่สามารถหาทางแก้ปั ญหาได้ อย่างร้อยที่สุดก็คือจะต้องเปลี่ ยนสถานะของตนเอง
หลังจากที่คุยกับเธอ ผมก็นึกได้ ทั้งผมและเธอ ต่างก็เป็นคนมี่ใจแคบเหมือนกัน ผมคงเล่าให้เธอฟังได้นิดหน่ อยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
พระเจ้าไม่ได้มอบพรสวรรค์ให้ พวกเรา แต่พวกเราจะต้องยืนขึ้น เพื่อต่อสู้กับเหล่าอัจฉริยะที่ น่ากลัว
ผมทั้งเห็นใจ และเป็นห่วง ผมเชื่อว่าพวกเราจะสามารถช่วยกั นและกันได้
นี่คือสิ่งที่ผมคิดจากใจจริง เซนะคุง
ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้ องกัน หวังว่าพวกเราจะเข้ากันได้ดีนะ
อิซึมิ : ...ช่วยเงียบๆ ซักพักได้มั้ย ฉันกำลังคิดตาเดินของตัวเองอยู่ เพราะงั้นช่วยอยู่เงียบๆ ทีสิ?
อะไร ตอนนี้ฉันกำลังพยายามคิดว่ าจะออกจากสถานการณ์แบบนี้ยั งไงอยู่ นายก็เลยพยายามพูดอะไรไร้ สาระใช่มั้ย หืม?
เจ้าเล่ห์นี่ ใช่มั้ยล่ะ?
เอย์จิ : เธอจะคิดแบบนั้นก็ตามสบายเถอะ แต่จากที่เธอพูดแบบนั้นไม่ได้ หมายความว่าเธอกำลังขุดหลุมฝั งตัวเองหรอกเหรอ?
มันน่าเบื่อมากเลยแหละ ถ้าแมทช์มันอยู่ในช่วงที่ต้องนิ่ งๆ แบบนี้น่ะนะ ผมควรจะตั้งเวลาไว้
ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เดิมพั นอะไรไว้ใเกมนี้ แล้วพวกเราก็ไม่ได้เคร่งกฏหรื ออะไรมากมาย แต่ว่า...
ผมก็ไม่อยากจะแพ้อยู่ดี ผมคงจะต้องคิดเกี่ยวกับเกมนี้ ให้มากกว่านี้หน่อยแล้วล่ะ
ก็นะ ผมเป็นแค่มนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่ว่ าผมจะสามารถทำนายอนาคตได้ซักหน่ อย
อิซึมิ : ฉันบอกให้นายหุบปากไง
เอย์จิ : เสียงของผมมันก็เหมือนกับเสี ยงนกน้อยร้องอยู่แล้วนี่นา?
เหมือนกับที่เธอรู้... อีเว้นท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุ ดในประวัติศาสตร์ของยู เมะโนะซากิเคยรู้สึกแล้วนี่นา มันคือ DDD
เสียงหนวกหูรอบด้านจากผู้คน เสียงดนตรี และการซ้อมสำหรับการแสดง และเสียงฮัมเพลงของทุกคนจนเกิ ดความหนวกหู
ยิ่งกว่านั้น ถ้าเสียงของเธอไม่ดังพอ ก็จะคุยไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่มันก็ไม่เป็นไรแหละ เพราะว่าพวกเธอมีแรงเยอะนี่นา.. .
หมายความว่ามันมีค่ามาก ในช่วงต้นของ DDD และการสาดส่องไฟไปที่ตัวนดกเรี ยนทุกคนในโรงเรียน
มันเป็นเสียงกระวีกระวาดที่คงนึ กภาพแทบไม่ออกมาเป็นปีๆ แล้วล่ะนะ
ในตอนนั้น Knights ก็เป็นส่วนนึงของ DDD ด้วยนี่นา?
มันโอเคสำหรับเซนะคุงผู้กำลังหั ดรักที่จะไปฆ่าเวลาในที่แบบนั้ นรึเปล่าล่ะ? มันดูไม่เหมือนเธอเลยนะ
เก็บบทสนทนานี้กันเถอะ ทั้งเรื่องที่พวกเราเถียงกันด้ วย... ผมเชื่อว่าพวกเราอาจจะทำให้ดีที่ สุด เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่ล้ มเหลวล่ะนะ
อิซึมิ : ...อย่ายั่วโมโหฉัน บอกแล้วไง ว่าฉันคิดอยู่ ยังไงฉันก็ยังปล่อยเรื่อง DDD
Knights ในตอนนี้น่ะ เป็นแค่เปลือกว่างๆ ที่ไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้ในช่ วงที่ยังเป็นยุคทอง
การที่จะไปยืนอยู่บนสเตจน่ะ มันคงจะน่าอาย แถมยังไม่น่าเชื่อถือ ใช่มั้ยล่ะ?
ถึงแม้จะรวมกับสมาชิกหน้าใหม่ แล้ว พวกเราก็ยังมีกันอยู่แค่สี่ คนอยู่ดีล่ะนะ?
เอย์จิ : อ๊ะ ใช่แล้ว จากตระกูลสึโอว สึคาสะคุงเข้ามาร่วมกับ Knights สินะ น่าสงสัยจริง ทำไมเขาถึงเลือกยูนิตนี้กันนะ
ยังไงก็เถอะ ถ้าผมจำไม่ผิด ไม่ใช่ว่า Knights มีกันห้าคนหรอกเหรอ?
เธอควรจะรวมทสึกินากะคุงเข้ าไปด้วยนี่นา เพราะว่าในตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้ลาออกจากโรงเรี ยนไปไม่ใช่เหรอ?
อิซึมิ : ...เขาสู้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เอย์จิ : ผมก็คิดอย่างนั้นล่ะ แม้ว่าจะได้ไปเจอเขาแค่ครั้งเดี ยว แต่ผมก็รู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ล่ะนะ
นั่นไม่ใช่ทสึกินากะคุงที่ ผมหลงรัก ถ้าจะพูดให้ถูก อัจฉริยะคนนั้นถู กทำลายลงจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
น่าอับอายจริงๆ ยูนิตขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนส่ วนมากของโรงเรียนอยู่...
Chess คือต้นกำเนิดของพวกเธอ— เป็นประวัติศาตร์อันบาวนาน ที่เข้าใกล้กับความตาย
อิซึมิ : นายพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่ องของคนอื่น แล้วคิดว่าความผิดของเรื่ องราวทั้งหมดมันเป็นของใครกันล่ ะ?
เอย์จิ : เธอกำลังพยายามจะบอกว่ามันเป็ นเพราะผมเหรอ? โหดร้ายจังนะ ในเมื่อเธอเป็นคนที่ไป และทำลายตัวเอง
แต่ก็นะ มันก็เป็นแบบที่ผมหวังเอาไว้ล่ะ
Knights... Chess ได้หลงลืมจุดประสงค์ และถูกกัดกิน ทำให้เน่าเฟะมาจากภายใน
มันเป็นรูปภาพที่เต็มไปด้วยสิ่ งมีชีวิตขยะๆ กับมรดกที่เก่าแก่ ประเพณีที่มีแต่ความคดโกง บางอย่างที่ขอร้องอ้อนวอนผมให้ ทำลายมันไปจากยูเมะโนะซากิ มันไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าเกิดสิ่งของแบบนั้นจะถู กทำลายลงเพราะกาลเวลา
เหล่าผู้คนที่ถูกเรียกว่าอัศวิน ได้ถูกฝังและตายลงในความมื ดของประวัติศาสตร์
สุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงแค่ ตำนาน และชื่อที่ทิ้งเอาไว้... ซักวัน พวกเธอก็จะได้กลายเป็นแบบนี้ เหมือนกัน...
ได้รับผลประโยชน์เพียงเพราะแค่ ว่าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมัน แล้วก็คิดว่าตัวเองสำคัญสำหรั บใครๆ...
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง เธอแค่ต้ องการความสำราญและความขี้เกี ยจก็เท่านั้น
มันก็เหมือนกับน้ำอุ่น หนองที่จะแพร่กระจายให้ทุกอย่ างในยูเมะโนะซากิเน่าเฟะตาม สถานที่ที่พวกขี้เกียจสันหลั งยาวมาวิ่งเล่นกัน
นั่นแหละ คือสิ่งที่ Chess เป็น แน่นอนว่าสุดท้ายก็ตายลงเหมื อนกับ Sodom และ Gomorra
อิซึมิ : พยายามจะบอกว่าตัวเองเป็นพระเจ้ าของที่นี่อยู่รึไง?
เอย์จิ : ถ้าจะให้ถูก ผมเป็นนางฟ้า ทสึกินากะคเรียกผมแบบนั้น ผมคิดว่าล่ะนะ...
คอยเยียวยาวบาดแผล กำจัดความสกปรกและผิดพลาด ตัดสินคนบาป พาโลกไปสู่ยุคใหม่ มันคือบทบาทของผม เป็นหน้าที่ที่ผมแบกรับเอาไว้
และเพราะความคิดแบบนั้น ผมทำความผิดโง่ๆ สูญเสียเพื่อนพ้อง เสียความเป็นตนเอง มีเพียงแค่ความสับสน....
ผมชำระล้างตัวเองด้วยเลือด ย้อมปีกให้กลายเป็นสีดำ และตกลงมาจากสวรรค์
อิซึมิ : ต่อให้นายจะพยายามพูดให้เหมื อนกับบทกวีมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับความรู้ สึกของฉันต่อเลโอคุงเลยแม้แต่น้ อย
เอย์จิ : ผมแค่อยากจะลองพูดมันดูน่ะ
เรื่องราวของอัศวินมักจะถูกแต่ งขึ้นมาให้เหมือนกับบทกวีที่ งดงามใช่มั้ยล่ะ
เซนะคุง?
ถ้าเกิดเธอไม่ขยับตัวหมากล่ะก็ ผมจะเพิ่มความน่าตื่นเต้ นโดยหารพูดเรื่องไร้สาระต่ อไปเรื่อยๆ นะ
...เธอจะไม่รีบซักหน่อยเหรอ เซนะคุง?
พวกเราอยู่ปีสามแล้วนะ พวกเราไม่ทีเวลามากขนาดนั้นแล้ว โดยเฉพาะผม...
พระเจ้ามอบเกมที่แข่งขันกั บเวลาให่กับพวกเรา— ผมก็อยากจะมอบความสำคัญให้มัน เพื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุ ดน่ะนะ
ถ้าเกิดพวกเราไม่ล่ะก็ ความพ่ายแพ้ที่น่าผิดหวังมันก็ จะวนเวียนไปอย่างไม่จบไม่สิ้น
=========================
กลับมาที่ปัจจุบันนะคะ เป็นบทที่ปวดตับเหลือเกิน T v T
เอาจริงๆ เป็นเพราะสตอรี่นี้นี่แหละ ที่ทำให้เรารู้สึกชอบเซนะขึ้นมา 5555
สองคนนี้ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะจริงๆ ค่ะ T T อ่านแล้วก็สงสาร
เอย์จิอีสเดอะบอส-----
เกมนี้ปีสามเกือบทุกคน ความหลังปวดตับเกือบหมด TwT
ตอบลบ